จากกรณีเกิดเหตุมีคนถูกตีเสียชีวิต ที่บริเวณทุ่งนา หมู่ที่ 7 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุพบศพ น.ส.อัมพร รพทองคำ อายุ 50 ปี เสียชีวิตอยู่ริมคันนาใต้ต้นมะขาม ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายสมนึก กอลาพันธ์ สามีผู้ตาย อยู่ในอาการมึนเมาสุรานั่งกอดศพร้องไห้ สภาพศพมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็ง เป็นแผลฉกรรจ์ที่หน้าผาก และกลางศีรษะ จนกะโหลกแตกหนังหัวเปิด ที่มือข้างขวามีแผลฉีกขาดและบวมเขียวช้ำ ด้านหลังมีรอยแผลถูกตีเป็นแผลแตกหลายแผล
ใกล้กันพบคราบเลือดกระเด็นกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ข้างศพผู้ตายมีท่อนไม้ไผ่ยาวประมาณ 2 ฟุต เปื้อนเลือดตกอยู่ และมีถุงใส่ถ่านที่เผาเสร็จแล้ววางกองอยู่ นอกจากนี้ยังพบขวดยาดองและเหล้าขาวตกอยู่ด้วย
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.อัมพร และ นายสมนึก เป็นสามีภรรยากัน ซึ่งผู้ตายเป็นคน จ.กาญจนบุรี ทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ และเพิ่งกลับมาหาสามีได้ประมาณ 1 เดือน โดย นายสมนึก ปกติมีอาชีพทำนา แต่ตอนนี้แล้งมากเลยมาเผาถ่านขาย ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่หลังจากเผาถ่านเสร็จ ก็มานั่งทำหมูย่างกินกัน
โดย นายสมนึก ซึ่งอยู่ในอาการเมาบอกว่า ระหว่างนั่งกินหมูย่างอยู่นั้น มีชาย 3 คนถือท่อนไม้ไผ่มาจากท้ายนา และมารุมตี น.ส.อัมพร และวิ่งหนีหายไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะ นายสมนึก พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง และเอะอะโวยวายเหมือนคนเมา จึงนำตัวไปที่ สภ.สระแก้ว รอให้หายเมาก่อน จากนั้นจึงจะสอบสวนต่อ เพื่อหาผู้ต้องหาที่แท้จริงมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นางสำรวย วังวงษ์สา น้องสาวผู้ต้องหา บอกว่า พี่ชายเป็นคนนักเลง เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะชอบกินเหล้า และชอบทะเลาะกับเมียทุกวัน เมื่อวานเมียก็พึ่งกลับจากโรงพยาบาล เพราะถูกพี่ชายตนทำร้าย และเมื่อกลับมาก็มาถูกทำร้ายจนตาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่านายสมนึกรับสารภาพว่า เป็นลงมือใช้ไม้ตีน.ส.อัมพรจนเสียชีวิต
โดยก่อนเกิดเหตุได้เสพยาบ้าไป 2-3 เม็ด แล้วมีปากเสียงเรื่องหึงหวงและเงินเยียวยา 5,000 บาท ที่น.ส.อัมพรได้มาแล้วไม่แบ่งจึงบันดาลโทสะใช้ไม้ตีกระหน่ำจนตายคามือ อย่างไรก็ตาม อยากให้ตำรวจตั้งโทษถึงขั้นประหารชีวิต