แพทย์จับพิรุธ “แม่ปุ๊ก” วางยาพิษฆ่าลูกจากผลการรักษา เหยื่อโผล่อีกถูกหลอกซื้อของสูญนับแสน (คลิป)

จากกรณี แม่ปุ๊ก คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวซึ่งเป็นแม่ของน้องอมยิ้ม และน้องอิ่มบุญ โดยวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา แม่ปุ๊กถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ จนนำมาสู่พิรุธถึงการเสียชีวิตของน้องอมยิ้ม และนำไปสู่การสร้างสมมุติฐานว่า แม่ปุ๊กวางยาลูกเพื่อฮุบเงินบริจาคหลายสิบล้านบาท นอกจากนี้ ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนสารเคมีที่พบในร่างของน้องอมยิ้ม ว่าเป็นส่วนประกอบที่พบในน้ำยาล้างห้องน้ำหรือไม่ ซึ่งอาจถูกหยดให้เด็กกินทุกวันจนป่วยอยู่ในขณะนี้ด้วย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น 

วันที่ 25 พ.ค.63 รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ พร้อมด้วย ดร.ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีของ "น้องอมยิ้ม" และ "น้องอิ่มบุญ" ที่เข้ามารักษาอาการป่วยที่รพ. ว่า น้องอมยิ้ม เข้ามารักษาตัวที่ รพ.ในวันที่ 20 ธ.ค. 2561 รักษากันอยู่ประมาณ 8 เดือน ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 12 ส.ค. 2562

โดยมีการเข้าออกจากโรงพยาบาล 7 ครั้ง โดยมีอาการเลือดออกจากทางเดินอาหาร จึงต้องส่องกล้อง พบว่ามีอาการอักเสบตามเยื่อบุต่าง ๆ ซ้ำไปซ้ำมา และมีความดันโลหิตสูงมาก และต่อมาน้องเสียชีวิตด้วย ภาวะตับและไตวาย ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ได้รับ ภาวะแทรกซ้อนหลายโรคและต้องรักษาตามอาการโดยการให้ยา

ส่วนน้องอิ่มบุญ มา รพ. ครั้งแรก เข้ารักษาตัววันที่ 13 -23 ม.ค.2563 ในหอผู้ป่วยพิเศษ อาการที่น้องมาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดจากการซักประวัติแม่ปุ๊ก คือเมื่อ 10 วันก่อน น้องมีการการอาเจียนเป็นเลือด หลังจากกินปลาหมึกย่าง จึงต้องเข้ารักษาที่ รพ.เอกชนแห่งใน จ.อุบลราชธานี เมื่อน้องเข้ามาได้ซักประวัติ ตรวจเพิ่มเติม และส่องกล้องหาสาเหตุที่อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร พบมีการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร น้องได้รับการรักจนอาการดีขึ้น สามารถรับประทานอาการได้ และอาการดีขึ้น

จนกระทั่งวันที่ 23 ม.ค. 2563 มีอาการทรุดในลักษณะที่คล้ายเดิม คือ ปวดท้องกะทันหัน อาเจียนเป็นเลือด ปากบวม อุจจาระเหลวสีดำ ซึ่งถือว่าวิกฤต จนต้องย้ายน้องเข้ามารักษาอาการที่ห้องไอซียู จากนั้นทำการส่องกล้องซ้ำที่กระเพาะอาหาร มีแผลอักเสบรุนแรง ซึ่งครั้งนี้ทำให้ทางทีมแพทย์เริ่มสงสัยว่าร่างกายของน้อง น่าจะได้รับสารกัดกร่อน

ทีมแพทย์รักษาอีก ในวันที่ 23 ม.ค.2563 จนถึงต้นเดือน เม.ย. น้องออกจากห้องไอซียู กลับมารักษาที่หอผู้ป่วยพิเศษ ซึ่งน้องสามารถรับอาหารจากบุคคลภายนอกที่เข้ามาเยี่ยม และทางญาติก็สามารถเข้ามาเยี่ยมได้ตามปกติ และเมื่อออกมาได้ไม่นาน อาการของน้องก็ทรุดและดี สลับกัน ทางทีมแพทย์จึงเริ่มสงสัยอาการที่ไม่สอดคล้องกับการรักษา จึงเริ่มจำกัดการเข้าเยี่ยม ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง โดยไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้ามาเยี่ยม และเวลาที่แม่ปุ๊กเข้าเยี่ยม ก็จะมีทีมแพทย์คอยอยู่ด้วยตลอดเวลา

กระทั่งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2563 น้องอาการดีขึ้น กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ทางทีมแพทย์แจ้งกับทางแม่ปุ๊กว่าให้น้องนั้นอยู่ที่โรงพยาบาลไว้ก่อน เพื่อประวิงเวลา

ขณะที่หมออีกทีมหนึ่งก็ไปประสานกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อให้มารับตัวน้องอิ่มบุญ ในวันที่ 18 พ.ค.2563

โดยอาการของน้องอิ่มหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ก็จะมีภาวะแทรกซ้อน มีลอยผนังทะลุข้างลำคอ รอให้แผลค่อยๆหาย และน้องมีอาการเสียงแหบ เหนื่อยง่ายเวลาเล่นเพราะมีการอักเสบทางปอด ซึ่งอาการล่าสุดของน้องอิ่มตอนนี้ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยม แต่หลังจากนี้ จะมีการผ่าตัดที่คอเพื่อรักษา ทั้งนี้ที่ผ่านมาในระหว่างที่รักษาตัวน้องอิ่มนั้น แม่ปุ๊กนั้นจะคอยดูแลน้องอย่างใกล้ชิด และเป็นคนที่ป้อนอาหารน้องเกือบทุกครั้ง เนื่องจากเป็นผู้ป่วยเด็ก และอยู่ในห้องพิษด้วย

ส่วนการตั้งข้อสังเกตของทีมแพทย์นั้น ทางแพทย์รู้สึกว่า ถ้าเป็นการแพ้อาการเมื่อไม่ได้รับเชื้อนั้นแล้ว อาการก็จะทุเบาลงและหายไป ปรากฎหว่า กรณีของเด็กทั้ง 2 คนนี้ แม้ว่าจะไม่ได้รับอาหารชนิดนั้นแล้ว อาการก็ยังคงทรุดอยู่ ทำให้ทีมแพทย์คาดว่า น่าจะเกิดอาการแพ้สารเคมีบางชนิดที่ไม่ใช่อาหารซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะจุดของร่างกาย ซึ่งเป็นที่ระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปาก ไปจนถึงกระเพาะอาการ

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรณีของผู้ป่วยที่พยายามฆ่าตัวตายด้วยการดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่มีสารกัดกร่อน จะมีลักษณะแผลใกล้เคียงแผลของน้องทั้งสองคน อย่างไรก็ตาม อาการของน้องอิ่มและน้องยิ้มนั้น ทางทีมแพทย์ไม่เคยเจอ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลของน้องทั้งสองคน เป็นการรักษาตามสิทธิ์ของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช. ) กองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก และ กองทุนสังคมสงเคราะห์ของ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยค่าใช้จ่ายของน้องอมยิ้มทั้งหมด อยู่ที่ประมาณเกือบ 5 แสนบาท ส่วนของน้องอิ่มบุญ ค่าใช้จ่ายเกือบ 2 แสนบาท โดยทั้งสองคนนี้ มีค่าส่วนต่างอยู่ที่หลักพันบาทเท่านั้น

ส่วนสารเคมีที่เด็กทั้งสองคนได้รับอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ จึงอยากจะให้รอผลทางชัดเจนจากพนักงานสอบสวน เนื่องจากหลายประเด็นมีผลกระทบต่อรูปคดี

เบื้องต้น แม่ปุ๊ก ถูกแจ้งข้อหาตามหมายจับของศาลอาญา ใน 3 ข้อหาฆาตกรรม และคดีฉ้อโกงอีก 2 คดี คือ รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ฉ้อโกงประชาชน

ทีมข่าวได้คุยกับนางนัน (นามสมมติ) ผู้เสียหาย บอกว่า รู้จักกับแม่ปุ๊กผ่านทางโซเชียล เพราะเข้าไปในเพจของน้องอมยิ้ม ช่วยบริจาค ติดตามอาการและสอบถามอาการของน้องอมยิ้มอยู่ตลอด กระทั่งน้องอมยิ้มเสียชีวิต และช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แม่ปุ๊กโทรมาบอกว่า ไม่สบายเป็นโรคหัวใจอยากให้ช่วยขายหน้ากากอนามัย เพื่อจะช่วยหาเงินรักษาน้องอิ่มบุญ โดยตกลงว่าจะขายกล่องละ 250 บาทซึ่ง 1 กล่องบรรจุหน้ากากอนามัย 50 แผ่น โดยแม่ปุ๊กนำเข้ามาประมาณ 2,500 กล่อง มีกำหนดส่งของในวันที่ 25 ก.พ.63 แต่แม่ปุ๊กเลื่อนส่งของไปเรื่อย ๆ จนทำให้คนที่สั่งของต่างระแวงว่าอาจจะถูกโกงและก็เป็นจริง 

ขณะที่ แม่ม่อน อายุ 33 ปี ผู้เสียหายอีกรายจากจ.อุดรธานี บอกว่า รู้จักแม่ปุ๊กเพราะมีรุ่นน้องแนะนำให้รู้จักในกลุ่มเฟซบุ๊กขายของออนไลน์ โดยรู้ว่าขายของหาทุนมาช่วยน้องที่ป่วยเท่านั้น พอเข้าไปในกลุ่มขายของจึงสั่งมิเตอร์วัดไข้ไปทั้งหมด 83 เครื่องในช่วงเดือน ก.พ.63 ที่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19

โดยโอนเงินค่าสินค้า 123,140 บาท แต่พอของมาส่งเปิดดูปรากฏว่าเป็นหลอดเจลแอลกอฮอล์เพียงไม่กี่หลอด จึงรีบทักไปทางเฟซบุ๊กไปสอบถาม แต่อีกฝ่ายบอกว่างานยุ่ง จนส่งของไปให้ผิดและรับปากจะส่งให้ใหม่ แต่หลังจากนั้นก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด

อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือนมี.ค.ได้คุยกับน้องที่แนะนำให้รู้จักแม่ปุ๊ก ซึ่งก็บอกว่าโดนหลอกเหมือนกัน จึงรีบไปแจ้งความที่สภ.หนองวัวซอ เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ล่าสุด กองบังคับการปราบปราม ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนอย่างเร่งด่วน เพราะยังมีหลายประเด็นที่ต้องสอบ และอาจจะมีการตั้งข้อหาค้ามนุษย์เพิ่มอีกด้วย