จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพเหตุการณ์หนุ่มวินจักรยานยนต์หัวร้อน ทราบชื่อต่อมา นายพชร เอี่ยมโมฬี อายุ 32 ปี อาชีพ วินจักรยานยนต์ ใช้หมวกกันน็อกฟาดนายเม้ง แซ่เฮง อายุ 75 ปี อาชีพคนขับรถแท็กซี่ จนบาดเจ็บเลือดออกตามศีรษะและใบหน้า
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเม้ง มีบาดเเผลต่าง ๆ ตามร่าง ประกอบด้วย
ศีรษะเย็บ 2 เข็ม หน้าผากเย็บ 3 เข็ม ข้อศอกขวาเย็บ 4 เข็ม เเขนทั้งสองข้างถลอกบวมช้ำ หน้าตาบวมปูด ปวดชายโครงข้างขวา
ล่าสุดวันที่ 28 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่ สน.เพชรเกษม พบว่าภรรยาของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งภรรยาไม่ขอให้สัมภาษณ์ หลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ ก็รีบเดินหนีผู้สื่อข่าวทันที
โดยบอกเพียงสั้น ๆ ว่าหลังจากที่เป็นข่าวทำให้สามีเครียด เนื่องจากถูกสังคมโจมตีอย่างหนัก รวมถึงตัวเธอเองก็เครียดเช่นกัน ซึ่งสามีก็มีบาดเเผล หลังจากนี้จะไปที่โรงพยาบาล เพื่อนำใบรับรองเเพทย์มาเป็นหลักฐานกับตำรวจ ดังนั้นขอไปว่ากันในชั้นศาล
จากนั้นนายเม้ง ได้เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ สภาพมีผ้าพันเเผลพันตามร่างกายหลายจุด สภาพใบหน้าปูดบวมจนตาเเทบปิด เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตนขับรถอยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ โดยวิ่งเลนขวาตลอดทาง ระหว่างนั้นรถจักรยานยนต์คู่กรณี มีภรรยานั่งซ้อนท้ายมาด้วย ขับมาเบียด เเล้วก็เเสดงความไม่พอใจ มีการถีบรถเเท็กซี่ เเละตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย นอกจากนี้ยังขู่ว่า "เดี๋ยวมึงเจอกู" เเต่ลุงก็ขับไปเรื่อย ๆ จากนั้นชายคู่กรณีได้จอดรถให้ภรรยาลงจากรถ เเล้วบิดคันเร่งไปดักหน้ารถแท็กซี่ที่จุดเกิดเหตุ ตนก็เปิดกระจกลง ปรากฏว่าจังหวะนั้นคู่กรณีได้ใช้หมวกกันน็อกฟาดเข้ามาที่ศีรษะอย่างเเรง
ทั้งนี้ตนจึงลงจากรถ พร้อมกับหยิบไขควงในรถออกมา เพื่อจะใช้ป้องกันตัว เเต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ชายคู่กรณีก็ทำร้ายร่างกายตน เเล้วภาพก็เป็นไปตามคลิป "ลุงสู้ไม่ได้ ลุงไม่ได้ทำร้ายเขาเลย" ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าคู่กรณีทำรุนเเรงเกินไป ตนถูกชกจนฟันหัก 2 ซี่ ใบหน้าปูดบวม ถูกหมวกกันน็อกฟาดจนศีรษะเเตกเย็บ 2 เข็ม นอกจากนี้ยังมีบาดเเผลตามร่างกายหลายจุด ทั้งเเขนซ้าย เเขนขวา อีกทั้งยังปวดระบมไปทั้งตัว โดยเฉพาะชายโครงที่ปวดจนนอนไม่ได้
นายเม้ง ยังกล่าวอีกว่า ตนคิดว่าคู่กรณีทำรุนเเรงเกินไป ส่วนในเรื่องการให้อภัย ก็อยู่ที่คู่กรณีว่าจะทำอย่างไร ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เเต่ตอนนี้ตนต้องขาดรายได้ ต้องส่งค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,000 บาท รวมถึงค่าเช่ารถ วันละ 400 บาท เนื่องจากไม่สามารถขับรถได้ ต้องรักษาตัว จากนี้จึงวางเเผนไว้ว่าจะนำเงินเยียวยา 5,000 บาทที่ได้จากรัฐบาล เเละเงินเบี้ยผู้สูงอายุที่ได้เดือนละ 700 บาทมาใช้ก่อน
ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายพชร ผู้ก่อเหตุ ดอดเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกาย ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายและใจ ซึ่งนายพชร ได้เเจ้งความกลับลุงเเท็กซี่ ในข้อหาพยายามฆ่า โดยอ้างว่านายเม้ง ถือไขควงง้างจะเเทง
โดยระหว่างที่รับทราบข้อกล่าวหานั้น นายพชร พยายามนั่งก้มหน้าและใช้ใช้มือปิดบังใบหน้าของตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุที่เกิดขึ้น แต่นายพชร ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล บอกเพียงว่า “อยากทราบรายละเอียดให้ไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง” ก่อนที่จะวิ่งหนีนักข่าวออกจากโรงพักไป
ทางด้าน พ.ต.อ.ศุภวัฒน์ ปานแดง ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดี ว่าต้องสืบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องสาเหตุการทะเลาะวิวาท เนื่องจากนายพชร ให้การอ้างว่า นายเม้ง ขับรถเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ จนภรรยาที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยได้รับบาดเจ็บ และพยายามหลบหนี จึงขี่รถตามเพื่อจะเจรจา ก่อนถูกนายเม้ง ขับพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง และนำเหล็กแหลมคล้ายไขควงพุ่งตรงเข้ามาทำร้าย จนต้องใช้หมวกกันน็อกฟาด
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เเจ้งข้อกล่าวหาเเก่ นายพชร คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอใบรับรองจากเเพทย์ หากผู้บาดเจ็บมีอาการหนัก ก็จะเพิ่มข้อหาเป็น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทีมข่าวสรุปคำให้การเพื่อเปรียบเทียบ ระหว่าง นายพชร กับ นายเม้ง
นายพชร ให้การว่า นายเม้ง คู่กรณี ได้ขับรถเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ จนภรรยาที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บ และพยายามหลบหนีจึงขับตามไปเจรจา เมื่อถึงที่แยกกัลปพฤกษ์ ถูกนายเม้งขับรถพุ่งชนซ้ำอีกอีก และนำเหล็กแหลมคล้ายไขควงจะเข้ามาทำร้าย จนต้องใช้หมวกกันน็อกฟาด
นายเม้ง ให้การว่า คู่กรณีขี่รถจักรยานยนต์หาเรื่อง โดยพยายามขับเบียดแซง ใช้เท้าถีบรถ เเละตะโกนด่าทอ ก่อนที่วินจักรยานยนต์จะให้ภรรยาที่นั่งมาด้วยลงระหว่างทาง เเล้วขี่ตามมาหาเรื่องที่แยกกัลปพฤกษ์ อีกทั้งคู่กรณีขวางหน้า เเละปาดหน้ากระชั้นชิด เบรกไม่อยู่จึงชน จากนั้นถูกคู่กรณีใช้หมวกกันน็อกฟาด จึงหยิบไขควงในรถเพื่อจะป้องกันตัว เเต่ยังไม่ได้ทำอะไร ถูกคู่กรณีซ้อมจนน่วม
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่บ้านของนายพชร ผู้ก่อเหตุ ในพื้นที่ย่านบางบอน เเต่ปรากฏว่าบ้านปิดเงียบ ไม่พบคนอยู่ในบ้านเเต่อย่างใด
เพื่อนบ้านรายหนึ่ง น.ส.บี (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับ นายพชร ตั้งแต่เด็ก บ้านหลังดังกล่าวมีผู้อาศัย 4 คน ประกอบด้วย ตัวนายพชร ภรรยา ลูกสาววัย 5 ขวบ เเละป้า ซึ่งลักษณะนิสัยของนายพชร จะชอบอยู่ในบ้าน ไม่ค่อยออกมายุ่งหรือสุงสิงกับใคร นอกจากนี้พื้นฐานนิสัย ยังเป็นคนที่อารมณ์ร้อน ถ้าหากมีใครมาจอดรถหน้าบ้านนาน ๆ ก็จะมีตะโกนต่อว่าบ้าง
เเต่ถึงเเม้ว่าจะใจร้อน นายพชร ก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถ้าหากถูกใครหาเรื่อง หรือใครทำให้ไม่พอใจ ก็จะตะโกนด่าทอทันที แต่ก็ไม่เคยเห็นการทำร้ายร่างกาย ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยเตือนหลายครั้งในเรื่องอารมณ์ว่าอย่าใจร้อน เนื่องจากเห็นว่ามีลูกน้อย ก็รู้สึกเป็นห่วง
ดังนั้นจึงเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้นายพชร เกิดอารมณ์โมโหนั้น น่าจะมาจากการที่เห็นภรรยาบาดเจ็บ เเต่เหตุการณ์ดังกล่าว ก็ไม่สมควรเกิดขึ้น เพราะเป็นการทำร้ายคนเเก่ ตนมองว่าใจร้อนเกินไปเเละทำรุนเเรง ไม่คิดมาก่อนว่าจะกล้าทำ