จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีชื่อว่า "ถ้ำนาคา" ตั้งอยู่ที่วัดถ้ำชัยมงคล อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ มีลักษณะคล้ายเกล็ดงู และมีรูปร่างคล้ายกับงูขนาดใหญ่ที่ขดตัวไปมา โดยชาวบ้านบางคนเชื่อว่าน่าจะเป็นงูยักษ์ที่กลายเป็นหินนั้น
ล่าสุดวันที่ 28 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่มายังวัดถ้ำชัยมงคล อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ตีนเขาภูลังกา โดยยอดเขาภูลังกานั้นเป็นที่ประทับของพญานาค ซึ่งมีถ้ำนาคา เจย์ดีย์หลวงปู่เสา ถ้ำหลวงปู่สิม และถ้ำหลวงปู่วัง รวมถึงเมืองลับแล และเมืองบังบดที่อยู่บนยอดเขาแห่งนี้อีกด้วย
นางอรพิณ กิติล่า ชาวบ้านบ้านตาดวิมารทิพย์ ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ได้พาทีมข่าวอมรินทร์ทีวีขึ้นไปยังยอดเขาภูลังกา ที่มีความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร เพื่อสำรวจตามถ้ำนาคา จุดที่พญานาคถูกสาป รวมถึงเจดีย์ของพระเกจิอีกหลายองค์ ที่เคยพำนักบนยอดเขานั้น
ทางขึ้นบนยอดเขาภูลังกานั้น มีลักษณะสูงชัน ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 2 ชม. เมื่อถึงยอดเขาภูลังกา ก็จะพบกับทางลงไปยังถ้ำนาคา ซึ่งเป็นที่อยู่ของบริวารพญานาค นางอรพิณ ได้พาทีมข่าวเดินลงจากยอดเขาไปประมาณ 10 เมตร ซึ่งเป็นทางช่องแคบ 1 ช่วงตัวคน ก็ได้พบกับถ้ำนาคา และมีหินลักษณะสูงใหญ่วางสลับซับซ้อนกัน โดยหินทุกก้อนที่อยู่ในถ้ำแห่งนี้ จะเป็นหินที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาค และถ้าหากมองดูดี ๆ จะเห็นพญานาคสองตัวขดอยู่บริเวณถ้ำ
หลังจากนางอรพิณ พาทีมข่าวสำรวจถ้ำนาคาเสร็จแล้ว ยังได้พาขึ้นไปยังบนยอดเขา บนยอดเขานั้นมีสภาพหินลักษณะเหมือนเกล็ดพญานาค ให้ข้อมูลว่า ส่วนนี้เป็นสันหลังของพญานาค กระทั่งทีมข่าวเดินออกไปบนยอดเขาอีก 500 เมตร พบกับเจดีย์ของหลวงปู่เสา ที่ชาวบ้านในพื้นที่เคารพนับถือ ให้ช่วยปกปักษ์ชาวบ้านมาชั่วกัปชั่วกัลป์
สำหรับถ้ำนาคานั้น มีตำนานเล่าขานมานานนับหมื่นปี แต่เดิมนั้นปู่อือลือ เป็นเทพเจ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า จากนั้นก็ถูกสาปลงมาให้เป็นพญานาค ปกครองอยู่ที่เมืองบาดาลที่บึงโขงหลง หรือ จ.บึงกาฬ ซึ่งมีทั้งพญานาคและมนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่เมืองบาดาลนี้ ต่อมาผู้คนในเมืองบาดาล ทั้งมนุษย์และพญานาค เกิดกิเลสสมสู่ชอบคอกันเอง เมื่อปู่อือลือพญานาคทราบเรื่อง ก็เกิดความโมโหให้กับบริวาร ที่ไปรักใครกับมนุษย์ จากนั้นจึงสาปให้บริวารกลายเป็นหินอยู่ในถ้ำ โดยบริวารที่ถูกสาปนั้นก็มีอยู่ทั่วเมืองบึงกาฬ และมีอยู่หลายที่เพื่อให้ปกป้องมนุษย์
โดยตอนนี้ปู่อือลือก็ยังอยู่ที่ตำหนักที่บึงโขงหลง ซึ่งเป็นอีกที่หนึ่งที่อยู่ห่างจากวัดถ้ำชัยมงคลประมาณ 20 กิโลเมตร สำหรับที่ถ้ำนาคานั้น ก็มีนาคที่ถูกสาปให้กลายเป็นหินอยู่ 2 ตัว ลักษณะสองตัวอยู่ติดกัน ซึ่งก็โดนสาปมาหลายพันปี
ถ้ำนาคาแห่งนี้ มีมานานแล้วแต่ชาวบ้านและคนในพื้นที่จะไม่ค่อยอยากให้เป็นที่รู้จักในหมู่มาก เพราะถ้าไม่ใช่บริวารของพญานาค ชาวบ้านก็เข้ามาไม่ได้ เพราะท่านไม่ให้เข้ามา ถ้าใครอยากเห็นพญานาคถึงเวลาของท่าน ท่านจะปรากฏให้เห็นเอง อย่างเช่นเวลานี้ ท่านอยากให้มนุษย์เห็น เกล็ดพญานาคก็จะเริ่มใหญ่ขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนขึ้นเขาภูลังกาอยู่ประจำ ก็จะเห็นเป็นเกล็ดเล็ก ๆ ไม่ใหญ่เท่าปัจจุบันนี้ ซึ่งตนคิดว่าคงถึงเวลาของพญานาคแล้วจริง ๆ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับพระอาจารย์ต้อง ญาณสังวโร เจ้าอาวาสวัดถ้ำชัยมงคล ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ก่อนที่ตนจะมาประจำอยู่ที่วัดถ้ำชัยมงคลนี้ ตนก็นิมิตเห็นพญานาคตัวหนึ่ง ยาว 9 เมตร ตาแดงก่ำ ยืนอยู่บนหน้าผาของยอดเขาภูลังกา แต่เดิมนั้นที่วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ทรุดโทรม โดยพญานาคตัวดังกล่าวนี้ได้ขอร้องตนให้มาจำพรรษาที่ัวัดถ้ำชัยมงคล จากนั้นตนจึงบูรณปฏิสังขรณ์วัดดังกล่าว จนมีสภาพเหมือนในปัจจุบันนี้ ซึ่งตอนนี้วัดถ้ำชัยมงคล ก็มีพระสงฆ์อยู่จำนวน 3 รูป
กระทั่งตนจำภรรษาที่วัดถ้ำชัยคล ได้ประมาณ 2 พรรษา ตนตั้งใจว่าจะลาวิกขา แต่ในระหว่างนั้นตนก็นิมิตเห็นพญานาคตัวเดิมมาบอกตนว่า “ขอนิมนต์หลวงพี่อยู่ต่ออีก อย่าพึ่งลาสิกขาเลย” จากนั้นมาตนจึงตัดสินใจไม่ลาสิกขา และอยู่จำภรรษาที่วัดถ้ำชัยมงคลมากว่า 10 ปี
ส่วนตัวแล้วก็มีความเชื่อเรื่องถ้ำนาคา และพญานาคราชว่ามีอยู่จริง แต่ด้วยหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ตนจึงไม่ได้แสวงหาเรื่องพวกนี้ ซึ่งนอกจากเรื่องของพญานาคแล้ว บนยอดภูลังกา ก็ยังมีเมืองบังบด และเมืองลับแลอยู่อีกด้วย