จากกรณีเฟซบุ๊กแชร์ภาพจากโพสต์ เตือนภัยชาวเจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล ให้ระวังบุตรหลานเล่นน้ำเค็มในช่วงนี้ เพราะอาจจะถูกฉลามกัดได้ หลังเด็กชายในหมู่บ้านถูกกัดจนเป็นแผลฉกรรจ์ ส่งหมอ เย็บไม่น้อยกว่า 50 เข็มนั้น
วันที่ 29 พ.ค. 63 เด็กชายฮารา อายุ 12 ปี เล่าว่า ขณะเล่นน้ำกับเพื่อนอีก 2 คน นั่งห้อยขาแกว่งเล่นในน้ำไปมาอยู่ เหลือบไปเห็นแมงกะพรุนลอยเข้ามาใกล้ ตนจึงรีบดึงขาซ้ายขึ้น
เมื่อเท้าเกือบจะขึ้นพ้นเหนือน้ำ ปลาฉลามขนาดรอบตัวกว้าง 8 นิ้ว ยาวประมาณ 15-16 นิ้ว ผิวสีดำเทา ท้องสีขาว มีคลีบ ก็งับเข้าที่ฝ่าเท้าซ้ายตนอย่างจัง
จังหวะนั้น ตนรีบสะบัดเท้าออกหลุดจากปากฉลามได้ ซึ่งเพื่อนอีกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็เห็น และยืนยันได้ว่าเป็นฉลามจริง ก่อนช่วยกันหามตนขึ้นจากท่าน้ำมาหาหมอ
ขณะที่ประมงจังหวัดสตูล เดินทางมาเยี่ยม และสอบถามอาการ น้องฮาราวาดรูปฉลามเพื่อยืนยันว่าเป็นสัตว์ชนิดนี้จริง และรู้จักฉลามเป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นในโทรทัศน์
โดยล่าสุด นายวิทยา ขุนสัน ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.สตูล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยืนยันหลังเห็นบาดแผลของเด็กชายแล้วว่า เกิดจากลูกฉลามหัวบาตรหลังเลียบที่ชอบมาหากิน ใกล้ปากคลองแม่น้ำ กินปลาและปูทั่วไป
ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าน้ำขุ่นประกอบกับน้ำแกว่งเท้ากระเพื่อม ฉลามคิดว่าเป็นเหยื่อทำให้กัดที่เท้าน้องได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ฉลาดเข้ามา อาจเป็นเพราะทรัพยากรที่สมบูรณ์ และโควิด-19 ที่ทำให้เรือไม่ออกทำประมง ฉลามจึงว่ายเข้ามาถึงชายฝั่งหมู่บ้านชุมชนในคลองเพื่อหากินได้