เหตุประท้วงและการจลาจลในสหรัฐฯ บานปลายหนัก ล่าสุดมีมากกว่า 40 เมือง ใน 22 มลรัฐ ที่มีการประกาศ “เคอร์ฟิว” ห้ามประชาชนออกจากบ้าน ขณะที่ทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (เนชั่นแนล การ์ด) มากกว่า 5,000 นาย ถูกส่งลงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่วนอีก 2,000 นายรอเคลื่อนกำลังเข้าสมทบเมื่อมีคำสั่ง
การชุมนุมประท้วงในหลายเมืองของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากเหตุการณ์เสียชีวิต ของจอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวผิวสี ภายหลังจากการถูกควบคุมตัวโดยตำรวจใน เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการจลาจลลุกฮือในเมืองต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ โดยการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองได้บานปลายจนมีการใช้ความรุนแรง มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและการทำลายทรัพย์สิน รวมถึงมีการปล้นและเผาร้านค้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง จอร์จ ฟลอยด์
- มาคุ! ทหารลากรถถัง คุมจลาจลสหรัฐฯ
- ประท้วงเดือด! ทวงความยุติธรรม "ชายผิวสี" ถูกตำรวจกดคอจนตาย
- ชุมนุมต้านเหยียดผิว บานปลายนอกสหรัฐฯ
หนึ่งในพื้นที่ที่มีความวุ่นวายและเหตุรุนแรงมากที่สุด คือ ที่เมืองมินนิอาโพลิส ในมลรัฐมินนีโซต้า ซึ่งเป็นเมืองที่ "จอร์จ ฟลอยด์"
เสียชีวิต รวมถึงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี., ซีแอตเติล, และที่นครลอสแองเจลิส ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย
รายงานข่าวล่าสุด ระบุว่า ขณะนี้มีผู้ถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 1,500 คน ขณะที่อีกหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร
ชนวนของเหตุจลาจลทั่วอเมริกาขณะนี้ มาจากการที่ตำรวจผิวขาวจับกุม นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปีหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งหลังได้รับแจ้งว่า เขาใช้ธนบัตรปลอมมาซื้อสินค้า โดยตำรวจใช้เข่ากดที่คอนายฟลอยด์ที่ถูกใส่กุญแจมือนอนราบกับพื้นถนน นานถึง 8 นาที จนฟลอยด์ขาดใจตาย และถึงแม้จะมีการไล่ออกและเตรียมดำเนินคดีกับตำรวจจำนวน 4 นาย แต่ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งกระแสความโกรธแค้นของประชาชนได้
Advertisement