จากกรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ที่ถูกจำคุก 1 ปี 6 เดือน ในคดีขับรถชนคนตาย ก่อนจะพ้นโทษ และเปิดเผยว่า ตนเองไม่ใช่ผู้ขับชน ต่อมาได้มีการยื่นขอรื้อฟื้นคดี โดยหาพยานหลักฐานใหม่ยื่นต่อศาล แต่ศาลได้ตัดสินยกคำร้อง โดยระบุว่า พยานหลักฐานของนางจอมทรัพย์ ที่นำสืบไม่น่าเชื่อถือ
ความคืบหน้า วันที่ 19 พ.ย. เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีครูจอมทรัพย์ หลังศาลมีคำพิพากษา เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการที่มีหลักฐานว่า เป็นการสร้างพยานเท็จ หรือมีขบวนการรับจ้างทำผิดแทน เบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางพนักงานสอบสวน เข้าแจ้งความเอาผิดกับ พนักงานสอบสวน 3 โรงพักที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในพื้นที่ สภ.นาโดน, สภ.เรณูนคร อ.เรณูนคร และ สภ.เมืองนครพนม
พล.ต.ต.สุวิชาญ กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งความกล่าวหาดำเนินคดีกับ นายสุริยา นวนเจริญ หรือ “ครูอ๋อง” เพื่อนสนิทของ ครูจอมทรัพย์ ที่เคยนำพยานหลักฐานสำคัญ มายืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่า ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้กระทำผิด หลังครูจอมทรัพย์ พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2556 ก่อนจะร้องต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอรื้อฟื้นคดี และยังแจ้งความกล่าวหา นายสับ วาปี ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถตัวจริง ส่วนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างรอการสอบสวนขยายผล หากมีส่วนเกี่ยวข้อง จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด โดยทางพนักงานสอบสวน จะต้องออกหมายเรียกมาสอบสวนตามขั้นตอน
พล.ต.ต.สุวิชาญ เปิดเผยต่อว่า สำหรับเนื้อหาสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าแจ้งความ เนื่องจากพบพิรุธจากหลักฐานในการเข้าแจ้งความ รวมถึงลงการประจำวันที่มาให้การตำรวจที่ สภ.เรณูนคร ของ นายสุริยา หรือ “ครูอ๋อง” เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2556 อ้างว่า นายเสริฐ รูปสะอาด เป็นคนขับรถตัวจริง ไม่ใช่ ครูจอมทรัพย์ จึงต้องการมาลงบันทึกเพื่อนำไปเป็นพยานหลักฐานช่วย ครูจอมทรัพย์ ก่อนเงียบหายไป ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2557 นายสุริยา หรือ “ครูอ๋อง” ได้พา นายสับ วาปี ไปแจ้งความลงประจำวัน ที่ สภ.นาโดน ท้องที่เกิดเหตุขณะนั้น เพื่อให้ดำเนินคดี ยืนยันว่า เป็นคนขับรถตัวจริง ทำให้มีคนขับรถถึง 2 คน
“เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเป็นข้อพิรุธสำคัญที่จะได้นำเป็นหลักฐาน รวมถึงสำนวนคำให้การที่ศาลจังหวัดนครพนม ในการเบิกความต่อศาลช่วงการพิจารณาไต่สวนรื้อฟื้นคดี 3 วัน ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า นายสุริยา หรือ “ครูอ๋อง” จะเป็นกุญแจสำคัญ ที่เชื่อมโยงเอาผิดขบวนการรับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ และจะได้สอบสวนขยายผลต่อไป
ขณะเดียวกัน หากพยานที่เหลือคนใด ที่มีการให้การไม่สอดคล้อง เมื่อเทียบกับเอกสารหลักฐานของตำรวจ และเทียบกับคำให้การของศาล จะได้ตรวจสอบดำเนินคดีทั้งหมดว่ามีเจตนาให้การเท็จหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีอีกต่อไป” พล.ต.ต.สุวิชาญ กล่าว
หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา (18 พ.ย.) นายสุดใจ คำชามา อายุ 64 ปี ผู้เลี้ยงควาย เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.(หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รองสารวัตรสอบ สวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร วัย 55 ปี พร้อมพวกในฐานความผิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง
ขณะเดียวกัน ทางทีมข่าว ได้ลงพื้นที่เพื่อไปสอบถาม นายสุดใจ ตามที่อยู่บ้านบริเวณ ถนนประชาอุทิศ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลนครสกลนคร โดยนางบังอร ควรรู้ดี ประธานชุมชนหนองทรายขาว ที่มีพื้นที่ชุมชนครอบคลุมแนวถนนประชาอุทิศ ได้รับคำตอบว่า ไม่มีบ้านเลขที่ตามที่แจ้งมา และไม่มีชื่อนายสุดใจ คำชามา เป็นลูกบ้านในชุมชนแต่อย่างใด
เมื่อไปสอบถามยังชุมชนกกส้มโฮง มีสี่แยกถนนตัดกัน ระหว่างถนนประชาอุทิศ และถนนรัฐบำรุง พบว่า มีบ้านเลขที่ของ นายสุดใจ อยู่จริง แต่เป็นถนนรัฐบำรุง บ้านดังกล่าวตั้งอยู่ปากซอย ถนนรัฐบำรุง 24 เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง เปิดเป็นร้านขายส่ง - ปลีก อาหารเย็นแช่แข็ง เมื่อเข้าไปสอบถามคนในร้าน ยืนยันว่า เป็นบ้านเลขที่ตรงตามที่แจ้ง แต่เป็นถนนรัฐบำรุง ส่วนชื่อนายสุดใจ คำชามา ตนรู้จักดี แต่ตอนนี้ไม่อยู่ออกไปธุระ เมื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งความเอาผิดกับ ครูจอมทรัพย์ คนในร้านก็บอกว่า ไม่รู้เรื่อง อยากให้เรื่องยุติ
นอกจากนี้ นายสุริยา หรือ “ครูอ๋อง” เพื่อนสนิทครูจอมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ติดต่อเข้ามา โดยส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร แต่เป็นห่วง นายสับ วาปี เพราะนายสับ เป็นคนซื่อ แต่ตนยืนยันว่ายังติดต่อกับ นายสับ ขณะนี้ นายสับ วิตกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น และมีอาการหวาดกลัว แต่ตนได้บอก นายสับ ว่าถ้าตำรวจเชิญตัวไปก็ให้บอก ตนพร้อมจะไปเป็นเพื่อน
ขณะเดียวกัน นายสุริยา หรือ “ครูอ๋อง” เปิดเผยอีกว่า ได้พูดคุยกับ ครูจอมทรัพย์ ขณะนี้ ครูจอมทรัพย์ เหนื่อยและนอนซมอยู่บ้าน มีอาการวิตกกังวล อยู่ในอาการซึมเศร้า เพราะผิดหวังมาก แต่ก็ทำใจไว้ และรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะทำอย่างไรต่อไป โดยครูจอมทรัพย์ บอกว่าขอให้ตนช่วยเพื่อนๆ ทุกคน ที่มาเป็นพยานในคดีนี้ เพราะเพื่อนเป็นข้าราชการ ซึ่งตนได้ปลอบว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และจะรับผิดชอบเรื่องนี้คนเดียว
ขณะเดียวกัน นายสุริยา ไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไร หากตำรวจเรียกไปสอบ ตนจะพูดเหมือนตอนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปสอบสวนก่อนหน้านี้
ผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น ครูรจนา หรือ นางทัศนีย์ ผู้ที่เป็นเพื่อน ครูจอมทรัพย์ ขณะนี้ ตนยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุย แต่นายสุริยา หรือ “ครูอ๋อง” ยืนยันว่า ครูรจนา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แค่มาเป็นเพื่อน ครูจอมทรัพย์ พร้อมยอมรับว่า คนเดินเรื่องทั้งหมดก็คือตนเอง
อย่างไรก็ตาม "ครูอ๋อง" เปิดใจอีกว่า "การเดินเรื่องทุกขั้นตอนปรึกษาตำรวจทุกครั้ง แต่สุดท้ายเป็นแบบนี้ ตนเองก็พูดไม่ออก เพราะทุกอย่างเป็นความจริง ตนเองไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา ทั้งหมดทำไปตามหลักฐานหากเกิดอะไรขึ้น ตนเองขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว"