จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมและพระป่าออกมาทำนายจุดซ่อนเสื้อ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ โดยผ่านมา 34 วันแล้วแต่ก็ยังหาไม่พบ
อ่านข่าวน้องชมพู่เพิ่มเติม
- ชมพู่เข้าฝันแม่ มาให้กอดติดกระดุมผิดด้านเชื่อมีห่วง 1 เดือน คนร้ายลอยนวล
- อึ้งคนแอบถ่ายหลวงปู่เดือนชัยได้ภาพไร้เสียง เชื่อนิมิตคนฆ่าชมพู่ของจริง
- บุกค้นบ้านลุงชมพู่เก็บ DNA ป้าช้ำใจเหมือนไม่ให้เกียรติ ลั่นสู้แน่ถ้าถูกจับ
- สุดบังเอิญ 2 พ่อลูก มีแผลเจ็บเท้า แจงอุบัติเหตุปัดอุ้มชมพู่ พยานยันช่วยค้นวันหาย
- แน่นวัด! คนแห่ไหว้พระเดือนชัย ส่องชัด ๆ “ธูปบอกเลข”
- พระชราสั่นกระดิ่งเปิดทางชี้คนฆ่าชมพู่จะมอบตัว - อ.หมีเงิบผีไม่มาตามนัด
ล่าสุดวันที่ 14 มิ.ย.63 ครอบครัวของน้องชมพู่และชาวบ้านได้รับการติดต่อจากชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ซึ่งติดตามข่าวน้องชมพู่ และระบุว่ามีร่างทรงที่สามารถเรียกวิญญาณผู้ตายมาเข้าร่างเพื่อสื่อสารได้ โดยจะมีการทรงเฉพาะวันพระเท่านั้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นวันที่มีการปล่อยผีออกมารับส่วนบุญ และวันที่ 13 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา ก็เป็นวันพระ และเริ่มทรงในช่วง 18.30 น.
เมื่อทีมข่าวเดินทางมาถึงที่สำนักร่างทรง ซึ่งพบว่าช่วงค่ำมีคนที่มีความเชื่อเดินทางมาเป็นจำนวนมาก พบว่าการทรงจะมีการรับขันธ์ 5 จำนวน 2 ขันธ์ ขันธ์ 8 อีกจำนวน 1 ขันธ์ พร้อมกระดาษเขียนข้อมูลคนตาย ซึ่งมีรายละเอียดคนตาย ชื่อ นามสกุล อายุ ที่อยู่ สาเหตุการตาย สถานที่ตาย ชื่อผู้เชิญวิญญาณ มีความสัมพันเป็นอะไรกับผู้ตาย
โดยทีมข่าวสอบถามทราบว่า ข้อมูลผู้ตายเหล่านี้ จะใช้เพื่อให้ร่างเชิญวิญญาณมาจากยมโลก เพื่อมาประทับร่าง ผู้ทรงอายุ 70 ปี เป็นหญิงสูงวัย โดยขณะทรงจะมีเสียงใหญ่เหมือนชายชรา สิ่งที่หน้าประหลาดใจคือ เมื่อร่างทรงรับขันธ์ จะมีการสวด และอัญเชิญดวงวิญญาณคนตายมาประทับร่างแล้ว เสียงจะเปลี่ยนไปตามเสียงของคนตาย อีกทั้งยังสามารถเรียกชื่อกลุ่มญาติคนตาย ทั้งที่มาร่วมพิธีและไม่มาได้ โดยที่ไม่ได้มีการบอกล่วงหน้า
สำหรับการประทับร่าง จะเริ่มจากการรับขันธ์ 5 ขันธ์ 8 เมื่อวิญญาณประทับร่าง ตามนิมิตนั้นจะมียมทูต 4 ตน ปรากฏกายอยู่เคียงข้าง เนื่องจากจะคอยดูแล ป้องกันวิญญาณที่มาหลบหนี โดยจะให้เวลาไม่นาน ประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น
ทีมข่าวเดินทางมาพร้อมกับ นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ป้าน้องชมพู่ นายจำลอง แดนกาไสย หรือ ยายลอง นางนลิน เงินนาม หรือ แม่ถอน และนางดอน หรือ ดอน ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า ป้ารุ้ง
ทั้งนี้ครอบครัวของน้องชมพู่ ได้ลำดับสุดท้ายในการประทับทรง เนื่องจากร่างจะไม่ประทับให้ เพราะไม่ต้องการบอกว่าใครเป็นคนร้าย เนื่องจากเกรงว่าจะอันตรายต่อร่าง ทีมข่าวพยายามพูดคุยจนสำเร็จ ก่อนเริ่มพิธีป้าแต๋น ได้เขียนชื่อลงบนกระดาษ แต่งขันธ์ โดยเขียนชื่อจริงทั้งหมด จากนั้นนำมอบให้กับร่างทรง
ร่างทรงเริ่มขานชื่อจริงของน้องชมพู่ จากนั้นพูดถึงวันตาย รายละเอียดตามที่ให้นางสมพร เขียนไว้ในกระดาษ ก่อนที่จะก้มกราบลงกับหมอนหน้าแท่นพิธี ซึ่งช่วงนี้เสียงของร่างทรงยังเป็นเสียงทุ้มและแหบ จากนั้นร่างทรงได้ถอดผ้าโพกหัวและลูกประคำออก นั่งนิ่งไปสักพัก ก่อนกราบลงกับหมอน ลูกศิษย์เข้าไปประคองร่างเอนลงนอน ก่อนพลิกตัวคว่ำหน้า และพูดออกมาประโยคแรก ซึ่งทำให้คนที่อยู่ในห้องพิธีอึ้ง คือ เสียงของร่างทรงกลายเป็นเด็กผู้หญิง
โดยหน้าแท่นพิธีมีเพียงนางสมพร และชาวบ้านเข้ามาเท่านั้น ลุงไชย์พลไม่ได้เข้ามาด้วย เมื่อวิญญาณมีการเข้าร่างแล้ว ก็พูดว่า “แม่ แม่ แม่ แม่จ๋าแม่” จากนั้นป้าของชมพู่ เริ่มพูดคุยกับร่างทรงที่คาดว่าวิญญาณของน้องชมพู่ มาประทับอยู่ จากนั้นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจ และทำให้ป้าถึงกับอึ้งและน้ำตาไหลออกมา คือสิ่งที่ร่างทรงพูดออกมาว่า “โอมมาไหม โอมไปไหน” ซึ่งป้าบอกว่าโอมไม่ได้มา โดยโอมคือลูกชายคนโตของป้า กับลุงไชย์พล ซึ่งน้องสนิทกับโอมมาก
น้องจะเรียกว่า ป้า ป้าจ๋า อยู่เป็นระยะ ๆ ป้าพยายามบอกคิดถึงหลาน คำต่อมาที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปอีกครั้งคือ “ลุงมาหรือเปล่า ลุงมาไหม ลุงพลมาไหม” ซึ่งขณะนั้นลุงไชย์พลไม่ได้อยู่ในห้องพิธีด้วย เนื่องจากทีมข่าวให้รออยู่ในรถ ช่วงเวลานี้ป้าแต๋น บอกว่าลุงก็มาด้วย ซึ่งป้าเริ่มกั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาเป็นระยะ ๆ ร่างพูดเป็นเรื่อย ๆ ว่า “มาหาหนูเหรอป้า”
ป้าแต๋น พยายามถามต่อว่า ชมพู่อยู่ไหน ซึ่งร่างตอบว่า “ชมพู่ก็อยู่บนเขา อยู่กับหลวงปู่บนภูเขา” (ปู่ชีปะขาว) ชมพู่ถามว่า “ทำไมป้าไม่ชวนหนู” ป้าแต๋นตอบว่า “ป้าหาหนูไม่เจอ ป้าอยากช่วย” ซึ่งช่วงนี้ร่างทรงทำเสียงคล้ายกับร้องไห้ ป้าแต๋นพยายามถามว่า “ไปบนเขาได้ยังไง” แต่ร่างบอกว่าไม่อยากพูด จากนั้นลุงไชย์พล ก็เข้ามาในห้องพิธี ซึ่งชมพู่แทนตัวเองว่า “ลุงมาหาพู่เหรอ ลุงมาหาพู่ใช่ไหม”
ร่างพยายามพูดต่อว่า ชมพู่คิดถึงแม่ แม่มาไหม และเรียกแม่จ๋า ๆ ป้าพยายามถามซ้ำว่าไปบนเขาได้อย่างไร ซึ่งน้องชมพู่ในร่างทรง ระบุว่า ถูกคนพาไป ถูกคนเอาไปทิ้ง โดยที่ไม่รู้จัก ส่วนคนพาไปไม่สามารถบอกได้ คนร้ายไม่ให้เดิน เขาอุ้มไปเลย คนร้ายเอายาให้กิน จากนั้นก็ไม่รู้ตัว เขาก็อุ้มไป คนเอาไปเป็นผู้ชาย
ทันใดนั้นร่างทรงก็พูดออกมาว่า “ป้าถอนก็มาเหรอ” ญาติพยายามถามต่อว่า ใครพาน้องชมพู่ไป แต่น้องชมพู่ไม่ยอมตอบ บอกว่าตัวเองไม่เคยเห็นหน้าคนร้าย แต่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร หลังจากกินยา คนร้ายเอาผ้ารัดตัว รัดตา ทำให้ไม่รู้เรื่องอะไร ส่วนเสื้อคนร้ายไม่ให้ใส่ ถอดออก ซึ่งไม่มีใครช่วยเหลือ ช่วงนี้ป้าแต๋น พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ป้าไปไม่ทัน” และพยายามถามต่อว่าเสื้อไปอยู่ที่ไหน ซึ่งชมพู่ระบุว่า เขาเอาไว้ตรงที่น้ำไหล เหมือนน้ำตก เขาเอาไว้ตรงนั้น อยู่ข้างหินทับเอาไว้
ร่างทรงพยายามคุยกับลุงไชย์พลต่อ ทำนองว่าเล่าเรื่องในอดีต ที่เคยคุยกับลุงไชย์พล ส่วนคนร้ายเป็นผู้ชายผมยาว โดยป้าบอกว่าอยากจะจับคนร้ายมาขอโทษน้องชมพู่ ซึ่งคนร้ายไม่อยู่ไกลจากบ้าน สูง ผิวดำแดง และมีมากกว่า 1 คน ทั้งคนไทย และคนลาว อายุ 30 ปี โดยที่ร่างทรงน้องชมพู่บอกได้แค่นี้
ร่างทรงน้องชมพู่ ยังพูดต่อว่า ทำไมวันที่ค้นหาถึงไปทิศตะวันตก เรียกอยู่ตั้งนานทำไมไม่ได้ยิน ซึ่งร่างทรงน้องชมพู่ ระบุว่า พยายามเรียกว่า “ป้าถอน” พยายามถามถึงแม่ ทำไมแม่ไม่มา ครอบครัวพยายามบอกว่า แม่ติดธุระ ชมพู่ถามต่อว่า “ป้าแต๋นมาไหม” ซึ่งทำให้ป้างงว่ารู้จักชื่อเล่นตนได้อย่างไร ชมพู่ฝากบอกว่า คิดถึงแม่ จากนั้นร้องถามแม่ ๆ คิดถึงไหม ร่างทรงก็ลา แล้วก็ไปทันที
ทีมข่าวสอบถาม นางสมพร หลาบโพธิ์ หลังจบพิธี ระบุว่า ส่วนตัวเชื่อว่าองค์ที่ประทับร่างน่าจะเป็นน้องชมพู่จริง เพราะชมพู่แทนตัวเองว่าหนูกับตน และพูดไทยตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตนตกใจ คือ การเรียกชื่อโอม ลูกชายของตนที่น้องชมพู่มักจะเล่นด้วยเป็นประจำ อีกทั้งน้องชมพู่จะไม่เคยเรียนว่า พี่ สักคำเดียว ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ไม่เคยบอกชื่อกับสำนักแห่งนี้ ตนก็ไม่เคยมา แต่ร่างพูดได้หมด ตนก็แปลกใจ
อย่างไรก็ตาม ลักษณะทรงผมของ 11 ผู้ต้องสงสัย ไม่มีใครที่ผมยาวแม้แต่คนเดียว เพราผู้ชายในหมู่บ้านตัดผมสั้นกันทุกคน
บรรยากาศตอนกลางคืนที่หมู่บ้านกกกอก ม.2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ยังคงเงียบสงบ ชาวบ้านต่างเข้าบ้านของตัวเอง เนื่องจากวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ เวลาประมาณ 19.00 น. ทุกคนต่างก็พักผ่อน เพราะต้องตื่นเช้าไปทำไร่ทำนา
ทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับนางอุไรพร เงินนาม อายุ 37 ปี ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า หากวันนี้หรือพรุ่งนี้มีการจับคนร้ายได้ และหากปรากฏว่าเป็นคนใกล้ตัว หรือคนในหมู่บ้าน ตนก็คงรู้สึกเสียใจ และอีกมุมหนึ่งก็คงดีใจที่จับได้เสียที ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนยังกังวลทุกวัน แต่ตนคิดว่าญาติของน้องชมพู่คงกังวลกว่าตน โดยสิ่งที่ตนกังวล คือ กลัวตำรวจจับแพะ ตนอยากให้จับคนร้ายตัวจริงได้เร็ว ๆ ซึ่งตามที่ตนกล่าวไป หากผลออกมาปรากฏเป็นคนในหมู่บ้าน ตนคงเสียใจ ยิ่งหากเป็นคนที่มีการออกตามหาด้วยกัน ตนจะยิ่งรู้สึกผิดหวังมาก ที่ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้จะยังจับไม่ได้ ตนก็ยังหวังให้จับได้ เพราะคดีค่อนข้างมีเงื่อนงำ แต่หากจับได้ตนก็อยากถามว่า ทำไปเพราะสาเหตุอะไร ทำเพื่ออะไร แล้วได้อะไร
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านกกตูม หมู่ 1 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร พบกับนายลิขิต เชื้อคนแข็ง อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านกกตูม เปิดเผยว่า ในพื้นที่ของหมู่บ้านกกตูม ไม่มีชาวต่างด้าวที่เป็นผู้ชายมาอยู่เลย มีเพียงผู้หญิงที่เป็นชาวลาว ที่มาทำงานและมาแต่งงานมีครอบครัวอยู่ในหมู่บ้าน สำหรับรูปพรรณสัณฐานที่บอกว่าคนร้ายอาจจะเป็นผู้ชายผมยาว ตัวสูงนั้น ตนสังเกตแล้วว่าในหมู่บ้านไม่มีใครที่ตรงกับลักษณะนี้ เพราะผู้ชายตัดรองทรงธรรมดาทั่วไป ไม่มีใครผมยาวมัดหรือรวบได้
นายลิขิต กล่าวต่อว่า สำหรับชาวบ้านกกตูม ที่เคยไปหมู่บ้านกกกอกนั้นก็มีค่อนข้างมาก เพราะทั้ง 2 หมู่บ้านก็เหมือนเครือญาติกัน และหมู่บ้านกกกอกก็เป็นทางผ่าน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเดินทางไปมาหาสู่กันทั้ง 2 หมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่คนที่หมู่บ้านกกตูมแน่นอน เพราะไม่มีใครที่จะคิดทำร้ายหรือก่อเหตุลักษณะนี้ และตนก็ไม่มั่นใจว่าจริง ๆ แล้วจะมีคนร้ายหรือไม่ หรือถ้ามีคนร้ายตอนนี้ก็ค่อนข้างนานแล้ว หลักฐานก็ค่อนข้างน้อยและเลือนลาง ซึ่งตนก็อยากให้ตำรวจจับคนร้ายตัวจริงให้ได้ ไม่ใช่การจับแพะ เพราะถ้าจับคนที่ไม่กระทำไป ก็จะเป็นการทำร้ายชีวิตคนทั้งคน
นอกจากนี้ สำหรับการลงชื่อจำลองการค้นหา ขณะนี้ชาวบ้านที่มาลงชื่อก็ได้ถูกเรียกตัวไปจำลองแล้ว แต่ไม่มีชาวบ้านคนไหนที่ถูกเรียกไปสอบปากคำเพิ่มเติม
ทีมข่าวจึงเดินทางมาที่บ้านกกกอก ม.2 ต.กกตูม ซึ่งที่บ้านกกกอก วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้สื่อมวลชนเข้าพื้นที่ เนื่องจากต้องการให้ชาวบ้านได้ใช้ชีวิตตามวิถีของชาวบ้านตามปกติ ทีมข่าวได้มาหานายวา หนึ่งในผู้ต้องสงสัย แต่นายวา ไม่ขอพูดคุยกับทีมข่าว ซึ่งทีมข่าวก็พยายามถามนายวา แต่แสดงท่าทางหงุดหงิดว่าคนที่ตนรู้จักไม่มีชายชาวลาว และไม่มีใครผมยาว ตัวสูง จากนั้นนายวา ก็รีบไปทำงาน
ทีมข่าวได้เดินทางต่อมาที่บ้านกกตูม ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เพื่อตามหาชายลักษณะตามคำทำนายหมอดู คือตัวสูง ผมยาว แต่ก็ยังไม่พบชายลักษณะดังกล่าว จึงได้ไปสอบถามชาวบ้าน และได้มาพูดคุยกับนางไลวัน เชื้อคมตา ชาวบ้านกกตูม
นางไลวัน ชาวบ้านกกกอก หนึ่งในผู้ที่เจอรอยเท้าใต้ต้นกระโดน ที่บริเวณตีนภูเหล็กไฟ เปิดเผยว่า วันนี้ตนขอให้สัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย เพราะตนกลัวไม่อยากออกสื่อแล้ว ไม่รู้ว่าใครคือคนร้าย และที่บ้านกกตูมไม่มีชายชาวลาว หรือชายต่างชาติอาศัยอยู่แม้แต่คนเดียว เนื่องจากชาวบ้านแถวนี้หากเป็นผู้ชาย จะตัดผมสั้นกันทั้งหมด นอกจากในหมู่บ้านกกตูมแล้ว หมู่บ้านกกกอกก็ไม่น่าจะมีชายลักษณะดังที่กล่าวมา แม้ตนจะไม่ได้สนิทกับชาวบ้านกกกอก แต่ก็ไม่เคยพบเห็นคนลักษณะนั้นมาก่อน
จากคำที่หมอดูทำนาย ตนไม่รู้ว่าอย่างไร แต่ส่วนตัวตนไม่ค่อยเชื่อเรื่องหมอดูมากนัก เพราะคิดว่าบางครั้งก็คงคาดเดา แต่นั่นก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตอนนี้ผ่านมากว่า 1 เดือนคดีน้องชมพู่ยังจับคนร้ายไม่ได้ ความรู้สึกตนอยากให้รีบจับคนร้ายได้เร็ว ๆ เนื่องจากออกไปทำงานยาก เพราะกลัวอันตราย ไม่รู้คนร้ายเป็นใครกันแน่ อีกทั้งก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง ที่หมู่บ้านแถวนี้สงบมาก เวลาไปสวนสามารถไปคนเดียวได้ เวลา 02.00-03.00 น. ตนก็เคยไปกรีดยางคนเดียว แต่ตอนนี้ก็ไม่กล้าไปคนเดียวแล้ว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบจับให้ได้เร็ว ๆ
รวมข่าวเลขเด็ดหลวงปู่เดือนชัย
- ปรากฏการณ์เลขปริศนาธรรม "หลวงปู่เดือนชัย" ก้านธูป-อักขระลงไมค์-ยันต์หลังเหรียญ
- สาธุชนทะลักกราบปู่เดือนชัย อึ้งเห็นเลขยันต์ - ทั่วไทยเลขปริศนาเกลี้ยง (คลิป)
- พระเดือนชัยนิมิตแปลก ตะขาบ - งู โยงขังชมพู่ อึ้งให้เลขปริศนาไมค์ช่อง 34 (คลิป)
- พระป่าผวาไขคดีชมพู่ หวั่นถูกเจ้ามือหวยสั่งเก็บ เจอพิธีในอดีตมีเลขธรรม "080" (คลิป)
- หลวงปู่เดือนชัยเขียนเลขปริศนาธรรม บนไมค์อมรินทร์ทีวี
- เลขเด็ดงวดนี้ “หลวงปู่เดือนชัย“ ขายเกลี้ยงแผง
- 'หลวงปู่เดือนชัย' เอ่ยปากเลขชุดใหม่ ส่วนคดีน้องชมพู่ขอไม่ยุ่ง