จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมและพระป่าออกมาทำนายจุดซ่อนเสื้อ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ โดยผ่านมา 38 วันแล้วแต่ก็ยังหาไม่พบ
อ่านข่าวน้องชมพู่เพิ่มเติม
- เปิดนาทีชมพู่ตายถ้าตรงเที่ยงครึ่ง “ลุงพล” รอด แต่ “สมคิด” เครียดพยานช่วยมีแค่หนึ่ง
- แม่ชมพู่อึ้งลูกให้เลขตรงทะเบียนรถ ลั่นรอเจอฆาตกรจะถามซึ่งหน้า ใจทำด้วยอะไร
- ลุงพลปล่อยโฮกราบแม่กอดลูก ท้อคดีชมพู่พูดเป็นนัย “อะไรจะเกิดก็ให้เกิด”
- พระเดือนชัยหลั่งน้ำตาถูกขับพ้นจังหวัด ยันไม่อวดอุตริแต่ศิษย์พาซวย องค์ลงโชว์
กระทั่งวันที่ 17 มิ.ย.63 กรมพระพุทธศาสนาได้มีหนังสือเชิญพระอาจารย์เดือนชัย ให้ออกจากพื้นที่ จ.มุกดาหาร เนื่องจากคณะสงฆ์ ระบุว่า ประพฤติไม่สมควร ไม่ละอายต่อสมณเพศ แสดงตนสื่อวิญญาน โฆษณาออกสื่อ
ล่าสุดวันที่ 18 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งวันนี้ลูกศิษย์ได้เริ่มขนของที่เป็นของพระอาจารย์เดือนชัยขึ้นรถกระบะ ซึ่งได้ขนรูปปั้นของปู่ธรรมฝั่น เต็มไธสงค์ ที่เป็นบรมครูของพระอาจารย์เดือนชัยไปด้วย โดยปลายทางคือ บ้านแม่บุญธรรมของพระอาจารย์เดือนชัย บ้านเหล่าหลวง ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
โดยในวันนี้ได้มีลูกศิษย์ลูกหาหลั่งไหลกันมาเพื่อกราบหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งวันนี้พระอาจารย์เดือนชัย ได้หันหลังสวดคาถาธรรมประมาณ 1 ชม. หลังจากสวดเสร็จก็นำศีรษะแตะที่กำแพง และลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดคุยกับทีมข่าว โดยพระอาจารย์เดือนชัย ได้หันมายืนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ มีน้ำตาคลอว่า ตลอด 7 พรรษาที่ตนบวชมา ไม่เคยมีพระผู้ใหญ่มาดูแลเลย แม้แต่ออกบิณฑบาต ชาวบ้านก็ไม่ค่อยใส่บาตร ซึ่งการที่ตนไปออกสื่อตามที่ต่าง ๆ ไม่ได้มีเจตนาไปอวดเด่นอวดดัง ซึ่งเมื่อวานนี้ทางกรมศาสนาได้นำหนังสือเอกสารมาให้ตนเซ็นเพื่อรับรู้ว่าต้องออกจากพื้นที่ แต่ตนไม่เซ็นเพราะตอนที่จับเอกสารเหมือนรู้สึกอะไรบางอย่างที่มือ เหมือนตนจะโดนขับไล่ ตนจึงให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้เซ็นแทน ตนเชื่อว่าการที่ตนต้องออกจากพื้นที่เป็นเพราะพระอิจฉาพระ มีพระบางรูปอิจฉาเรื่องที่ตนไปสร้างเหรียญที่ จ.นครนายก ที่ผ่านมา
หลังจากสัมภาษณ์ได้ไม่นาน ก็มีลูกศิษย์มาขอให้พระอาจารย์เดือนชัยนั่งสัมภาษณ์ ซึ่งท่านก็ได้นั่งลงและหลับตา หลังจากนั้นก็หยิบไฟแช็กมาจุดและลนมือตัวเอง
โดยพระอาจารย์เดือนชัยไม่รู้ร้อน หลังจากนั้นก็กล่าวต่อว่า "ดีชั่วอยู่ที่ตัวใครตัวมัน บาปบุญคุณโทษเกิดขึ้นได้กระทำใครมัน เขาโกรธเราไม่โกรธตอบจะมีความสุข ซึ่งทำดีที่สุดแล้ว" ถ้าถามว่าท้อหรือไม่ตนปฏิบัติมากับมือ เมื่อมาได้เท่านี้ก็ถือว่าบุญพามาเท่านั้น ตนได้แต่บอกว่าไม่แน่ใจว่าจะสึกจากสมณะเพศหรือไม่ แต่ตนจะไม่สึกต่อการศึกษาธรรมอย่างแน่นอน ไม่ว่าเพศสมณะจะเป็นแบบไหน แต่ดวงธรรมก็ได้อยู่กับตนแล้ว
พระอาจารย์เดือนชัย ได้นั่งหลับตาลง และกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนไม่มีเจตนาใบ้หวย แต่คนกลับไปตีความและไปซื้อหวย และมีคนถูกหวย ซึ่งน่าจะเป็นเพราะบังเอิญ
นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน) จำนวน 2 คน มาเดินถ่ายรูปและเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเพียงว่า มาเฝ้าดูเหตุการณ์เท่านั้น ไม่ได้มาเร่งหรือขับไล่พระอาจารย์เดือนชัย
โดยขณะที่พระอาจารย์เดือนชัย ได้สวดคาถาธรรม ลูกศิษย์ลูกหาที่นั่งอยู่ก็เกิดอาการผิดปกติ บางคนก็ร้องไห้ และมีหนึ่งคนที่แสดงอาการแปลก ๆ ซึ่งเป็นคนที่ทีมข่าวเคยสัมภาษณ์ คือ นางณัฏฐ์ชวัล พัวพันธุ์ หรือ เจ๊เหมียว ที่มีอาการดูดปากตัวเองเหมือนเด็ก หลังจากนั้นก็สวดภาษาบางอย่าง แต่น้ำเสียงเป็นเสียงเล็ก ๆ เหมือนเด็ก ขณะเดียวกันหลับตาร้องไห้และพูดซ้ำ ๆ ว่า 614 ซึ่งขณะเกิดเหตุทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุย "หนูจะไปกับพ่อ พ่อหนูสร้างความดี ทำไมเป็นอย่างนี้ ทำดีต้องได้ดี ฉันใดฉันนั้น คนทำดีเทวดาย่อมสรรเสริญ เจริญธรรมเจริญภาวนา สร้างบุญแผ่เมตตานี่คือคนดี"
หลังจากนั้นนางณัฏฐ์ชวัล ในร่างองค์ลงได้พูดว่า หลวงปู่หนูไชยบารมี ซ้ำ ๆ พร้อมกับชูมือทั้ง 2 มือขึ้น และหลังจากนั้นเจ้าตัวได้บอกว่าตัวเองเป็นช้างน้อย หรือพระพิฆเนศองค์เด็ก พร้อมกับได้ทำท่าทีดูดปากตัวเอง และกล่าวต่อว่า น้อยใจพวกมนุษย์ล้ำสุดปัญญา ศีลธรรมนำหน้าไม่รู้จักเหรอ สุริยาส่องแสงไปไกลแค่ไหนเข้าใจไหม สิ่งที่เราคิดสิ่งที่เราเห็นนั้น นิ้วทั้ง 5 ไม่เท่ากัน นิ้วไหนไม่ดีก็ตัดทิ้งไป สร้างธรรมสร้างบารมีสร้างความดี เทพพรหมเทวดาสรรเสริญ เจริญทุกคำภาวนา
โดยหลังกล่าวจบนางณัฏฐ์ชวัล ก็หงายท้องลงนอนทันที และฟื้นขึ้นมาเป็นนางณัฏฐ์ชวัล คนเดิม ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าจำอะไรไม่ได้เลย จำได้เพียงว่าแค่กำลังนั่งอธิฐานว่า ให้ตัวเองมีความเจริญร่ำรวย มีโชคลาภ และหลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว ซึ่งในช่วงที่ตนองค์ลงนั้นก็จำไม่ได้ว่าได้พูดตัวเลข 614 ออกมา ซึ่งองค์ที่ลงตนนั้นเป็นพระพิฆเนศองค์เด็กที่สุด เรียกภาษาปากว่า โชเละ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องร้องไห้ให้พระอาจารย์เดือนชัย แต่ยอมรับว่าในขณะนั้นตนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ยังรู้สึกตัวว่าตัวเองร้องไห้
นางณัฏฐ์ชวัล กล่าวต่อว่า พระพิฆเนศเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จ ซึ่งสำหรับคำพูดที่พูดว่าจะตามพ่อไปด้วย ตนคาดว่าพระพิฆเนศเห็นหลวงปู่เป็นคนดี ทำนุบำรุงพระศาสนา ซึ่งพระพิฆเนศก็อาจจะนับถือในความดีของพระอาจารย์เดือนชัย อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจมากที่พระอาจารย์เดือนชัย ต้องย้ายวัด เนื่องจากท่านเป็นคนมีเมตตา และช่วยเหลือทุกคนมาตลอด ซึ่งตนก็ตั้งใจจะไปส่งท่านให้ถึง จ.อุดรธานี
ทีมข่าวลงพื้นที่ ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ได้พบกับนางอุดรใจ พันสีมา อายุ 55 ปี ชาวบ้านต.หนองสูงใต้ ที่ร้องไห้ด้วยความเสียใจ หลังพระอาจารย์เดือนชัยย้ายออกจากพื้นที่ โดยนางอุดรใจ พูดทั้งร้องไห้ว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยขึ้นไปถวายอาหารต่อพระอาจารย์เดือนชัยแทบทุกวัน เพราะท่านเคยช่วยหลานของตนไว้ โดยคนแรกเกิดมาก็เป็นโรคหอบหืด ซึ่งพระอาจารย์เดือนชัยได้ใช้น้ำมนต์ประพรมให้ ตอนนี้อายุ 5 เดือนและไม่มีอาการหอบหืดแล้ว และหลานอีกคนตั้งท้อง หมอได้พบว่าเด็กไม่มีนิ้วมือ พระอาจารย์เดือนชัยจึงนำน้ำมนต์ให้แม่ของเด็กกิน เมื่อเด็กคลอดออกมาก็มีร่างกายครบ 32 ประการและร่างกายแข็งแรง
นางอุดรใจ ยอมรับว่า ตนรู้สึกเสียใจที่พระอาจารย์เดือนชัยต้องย้ายออกไป เพราะท่านไม่เคยสร้างความเดือดร้อน แต่ก็กลับมีคนไม่ชอบท่าน ซึ่งวันนี้ตนได้มายืนอยู่ริมถนนรอขบวนรถของหลวงปู่ผ่านไป เพราะตนรู้สึกคิดถึงท่านมากและรักท่านเหมือนพ่อแม่ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าพระอาจารย์ถูกกลั่นแกล้งแน่นอน
พระครูวิบูลปัญโญภาส เจ้าคณะตำบลหนองสูง ได้มาเดินอยู่ในวัด ซึ่งได้เดินหนีนักข่าวและไม่ให้สัมภาษณ์ โดยระหว่างเดินหนี ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูล ได้ใจความว่า ตนขึ้นมาบนวัดแค่มาเยี่ยมพระด้วยกัน ไม่ได้มาสังเกตการณ์แต่อย่างใด ในส่วนของพระอาจารย์เดือนชัยจะย้ายหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่พระผู้ใหญ่ได้สรุปกันหมดแล้วว่าจะต้องย้ายออกจากจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งตนเป็นพระผู้น้อย จึงไม่สามารถให้รายละเอียดได้
แต่ตนยืนยันว่าการย้ายพระในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องแตกกันของคณะสงฆ์ ซึ่งตนไม่มีข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องพระเดือนชัย เพราะผิดถูกก็ว่าไปตามกระบวนการ เพราะพระพุทธเจ้าก็เคยสอนว่า สัตว์โลกมีทั้งคนดีและคนไม่ดี มีผิดบ้างถูกบ้างก็เป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม บริเวณที่ตั้งนี้ไม่ใช่วัด แต่เป็นแค่ที่พักสงฆ์เพียงเท่านั้น
ภายหลังจากคณะสงฆ์จังหวัดมุกดาหาร (ธรรมยุต) มีคำสั่งให้พระเดือนชัย ออกจากพื้นที่ จ.มุกดาหาร ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเหล่าหลวง ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านที่พ่อแม่ของหลวงปู่เดือนชัย หลังมีข่าวว่าอาจจะกลับมาอยู่สำนักสงฆ์ของตัวเองที่กำลังสร้างอยู่ขณะนี้ ปรากฏว่าว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ทราบข่าวเรื่องแล้ว โดยชาวบ้านบ้านเหล่าหลวง บอกว่า ชาวบ้านไม่ได้สุงสิงกับพระรูปนี้ เพราะปกติเมื่อมาก็จะมาอยู่สำนักสงฆ์ ไม่ออกมาบิณฑบาตรและไม่มีชาวบ้านไปถวายอาหาร
ชาวบ้านคนหนึ่ง บอกว่า หลวงปู่เดือนชัย เป็นคนที่บ้านเหล่าหลวงแห่งนี้ แม่และน้องชายยังมีชีวิตอยู่ ส่วนพ่อเสียชีวิตนานแล้ว แต่หลวงปู่ไม่ค่อยอยู่บ้านเห็นไป ๆ มา ๆ กำลังสร้างสำนักสงฆ์อยู่ที่สวนยางพารา ที่พ่อและแม่มอบให้ ส่วนใหญ่คนที่บ้านนี้จะไม่ค่อยได้ไปสุงสิงหรือไปยุ่งเกี่ยวกับหลวงปู่ เพราะชาวบ้านเห็นว่าไม่เป็นวัด มีแต่คนต่างถิ่นและจากประเทศเพื่อนบ้านจะมากันเยอะ ส่วนใหญ่มาขอหวยขอเบอร์ คงเคยถูกหวยจากหลวงปู่ ชาวบ้านไม่มีใครซื้อถูก
นายบุญทอม เพื่อนสนิทของหลวงปู่เดือนชัย เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนสนิทหลวงปู่เดือนชัย สมัยยังไม่บวชเรียนชั้นประถมมาด้วยกัน โดยมีชื่อเดิม นายหนูเดือน สร้างสุระ หลังจากนั้นก็มาบวช สมัยเป็นคนธรรมดาเป็นคนขี้เหล้ามักม่วน แต่ไม่ใช่อันธพาล การบวชนั้นนับครั้งไม่ได้ เพราะจะบวชแล้วจะสึกอยู่อย่างนี้ประจำ หลวงปู่เคยบอกให้ฟังว่า ถ้าสึกออกมาเป็นโยม จะไม่มีเงิน แต่หากบวชเป็นพระจะมีเงิน แต่ไม่ค่อยอยู่บ้านไป ๆ มา ๆ ส่วนเรื่องใบ้หวยเคยไปหาหวยกับหลวงปู่ แต่ไม่เคยถูกสักครั้งเดียว
ส่วนจะมาอยู่บ้านที่สำนักสงฆ์ที่กำลังสร้างก็แล้วแต่ ชาวบ้านคงไม่ห้าม เพราะชาวบ้านไม่เกี่ยว ตนเคยถามหลวงปู่มาอยู่นี่การกินการอยู่จะทำอย่างไร หลวงปู่เคยบอกว่า "การกินการอยู่ของเฮาไม่ยาก กินทางไลน์ ส่งข้อความก็มีคนมาส่งให้" ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ไม่เคยเจอ
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าไปตรวจสอบบริเวณสวนยางพารา ที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โดยเป็นของหลวงปู่เดือนชัย ที่แม่ยกที่ดินให้กำลังมีการก่อสร้างสำนักสงฆ์ มีการถมดินเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ และมีการก่อสร้างกุฏิชั้นเดียว คล้ายทรงโมเดิร์น แต่ยังไม่เสร็จ ข้างกำแพงกุฏิมีการลงยันต์อักขระข้างในเป็นรูปหัวใจติดปีก คาดว่าเป็นยันต์ที่หลวงปู่เขียนเอาไว้ข้างกำแพงกุฏิแห่งนี้ ห่างจากกุฏิไปด้านหลัง ประมาณ 40 เมตร มีการก่อสร้างห้องน้ำเอาไว้ 2 หลังโดยชาวบ้านที่พาผู้สื่อข่าวสำรวจพื้นที่สำนักสงฆ์ บอกว่า หากหลวงปู่กลับมาที่บ้านก็จะพักอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ มาแค่ 1-2 วัน ก็จะกลับ โดยมีลูกศิษย์ติดตามมาด้วย
ทั้งนี้หลังจากมีกระแสข่าวว่า พระอาจารย์เดือนชัย ไม่ออกบิณฑบาต แต่จะแชตไลน์สั่งให้คนนำอาหารมาส่งที่วัด ซึ่งทีมข่าวได้พูดคุยกับนางกฤษณา หาริโคตร อายุ 45 ปี แม่ครัววัดและเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เดือนชัย เปิดเผยว่า สาเหตุที่พระอาจารย์ไม่บิณฑบาตนั้น เพราะท่านสวดมนต์ภาวนาจนถึงเวลา 02.00 น. ทุก ๆ วัน ทำให้ไม่ได้ออกไปบิณฑบาตในตอนเช้า และตนยืนยันเอาคอเป็นประกันว่าเรื่องแชตไลน์ให้คนนำอาหารมาส่งนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะพระอาจารย์เล่นไลน์ไม่เป็น ซึ่งอาหารที่ฉันก็จะแบ่งจากพระลูกวัด 2 รูปที่ไปเดินบิณฑบาต และนำมาแบ่งให้ และบางครั้งตนก็ทอดหมู ทำส้มตำถวายให้พระอาจารย์ด้วยตนเอง และท่านจะฉันข้าวเพียงวันละ 1 มื้อ คือ มื้อเช้า แต่จะฉันก่อนเที่ยง ถ้าวันไหนลูกศิษย์มาหามาก ก็แทบไม่ได้ฉันข้าวเลย
นางกฤษณา กล่าวต่อว่า ตนยอมรับว่าเสียใจที่พระอาจารย์เดือนชัยถูกโจมตีอย่างหนัก แต่ตนก็ไม่กังวลที่พระท่านต้องย้ายวัด เนื่องจากท่านทำถูกทุกอย่างแล้ว แต่ก็เสียใจที่พระท่านต้องทิ้งวัดที่สร้างมากับมือ อย่างไรก็ตามสำหรับการย้ายวัดในครั้งนี้ ตนเชื่อว่าอาจเป็นการกลั่นแกล้งของคนบางคนที่อิจฉา เนื่องจากพระอาจารย์เป็นคนเก่ง ทำได้ทุกอย่าง ทำให้บางคนเกิดความอิจฉา
Advertisement