จากกรณีสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคลิปวิดีโอรถที่มีโลโก้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตร ขับเบียดรถประชาชน โดยเจ้าของคลิประบุว่า ขณะขับรถมาตามปกติพบรถมีตราโล่และเปิดไซเรน เบียดเข้ามาเป็นคันแรก หลังจากนั้นมีรถตู้สีบรอนซ์อีก 2 คันที่มีสัญลักษณ์ สป.กษ. เบียดตามกันมาอย่างกระชั้นชิด อาจส่งผลกระทบต่อการขับขี่ได้นั้น
ล่าสุดวันที่ 18 มิ.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรณีมีคลิปข่าวขบวนรถยนต์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เบียดรถของประชาชนที่ จ.จันทบุรี ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ตรวจสอบเรื่องนี้มา 2 วันแล้ว รวมถึงมอบหมายให้หัวหน้าสำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีประสานงานไปเพื่อขอโทษผู้เสียหาย และตนในฐานะหัวหน้าคณะที่เดินทางไปในวันนั้น ก็ขอโทษผู้เสียหายด้วยความจริงใจ
นายประภัตร กล่าวต่อว่า ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้น เพิ่งมาทราบตอนเห็นคลิป ซึ่งวันดังกล่าวตนไปงานในหลายจุดในหลายอำเภอ ปกติระหว่างอยู่บนรถตนจะผ่อนคลายทำให้ไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปราชการต่างจังหวัดก็ต้องเดินทางไปเป็นคณะอยู่แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล เรื่องเหล่านี้เองนายกฯ ได้กำชับทุกครั้งว่าเวลาเดินทางไปไหน หากมีรถนำขบวนจะต้องระมัดระวัง อย่าสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนกราบขอโทษแทนทุกคนในคณะทำงานที่ไปราชการที่ จ.ตราด และ จ.จันทบุรี ด้วย
ด้าน น.ส.พัชรินทร์ วิกิตเศรษฐ์ อายุ 63 ปี เปิดใจกับสื่อหนึ่งว่า หลังจากที่นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาขอโทษ ได้ส่งตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคนขับรถในวันเกิดเหตุมาขอโทษด้วยตนเองแล้ว
นายเอ คนขับรถ ซึ่งอยู่ในขบวนดังกล่าว บอกว่า ตนขอโทษสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะในวันเกิดเหตุนั้น ตนไม่ได้จะตั้งใจขับเบียดใคร แต่ว่าตนอยู่ในขบวนจะต้องขับสลับเป็นฟันปลา เพื่อที่จะได้เห็นทางข้างหน้าได้ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาจะขับเบียด
น.ส.พัชรินทร์ กล่าวว่า ตนน้อมรับคำขอโทษ แต่การที่เกิดเรื่องแบบนี้ ตนไม่ได้ต้องการแค่กระเช้าผลไม้ คำขอโทษ แล้วทุกอย่างมันจะจบ ด้านสำนักงานตำรวจควรต้องออกมาให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้ได้รับสิทธิใช้รถฉุกเฉิน
"สิ่งที่ข้องใจคือทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติเจ้าของรถ ตำรวจทางหลวง และรถนำขบวนกลับปัดความผิดของตนเอง แล้วให้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาขอโทษอย่างเดียว เรื่องแบบนี้ไม่ได้ต้องการแค่กระเช้าผลไม้ คำขอโทษ แล้วทุกอย่างมันจะจบ เนื่องจากว่าต้องการให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง บทลงโทษอะไรหลายอย่างที่เกี่ยวข้องมันควรจะชัดเจนมากกว่านี้" น.ส.พัชรินทร์ กล่าว