เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ชุดหนุมาน ขับรถนำขบวนรถราชทัณฑ์เรือนจำกลางบางขวาง คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ไปที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อนัดตรวจพยานหลักฐานในคดี เนื่องจากมีข่าวว่าจำเลยวางแผนแหกคุก
จากนั้น เจ้าหน้าที่ศาลได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 เข้ามาภายในห้องพิจารณา ซึ่งพ.ต.ท.บรรยิน เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ ไม่มีทีท่ากังวลหรือเครียดแต่อย่างใด พร้อมสวมชุดนักโทษของทางเรือนจำ โดยไม่ได้ถูกใส่กุญแจมือ และเมื่อมานั่ง พ.ต.ท.บรรยิน ก็ได้ตรวจพยานหลักฐานที่ทางทนายความเตรียมมา จำนวนกว่า 2 ลังใหญ่ ประมาณ 10 กว่าแฟ้ม
ต่อมา ผู้พิพากษาได้นั่งบัลลังก์ เพื่อนำตรวจพยานหลักฐาน โดยศาลระบุว่าวันนี้จะเป็นการพิจารณาพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ และให้เวลาฝ่ายจำเลยในการตรวจพยานหลักฐาน 30 วัน ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลเพื่อขอความเมตตาขยายเวลาในการนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ว่า เนื่องจากตนเองถูกคุมขังอยู่ในห้องขังเดี่ยว และยังถูกเคลื่อนย้ายเรือนจำจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังเรือนจำกลางบางขวาง อีกทั้งตนยังต้องขึ้นศาลทุกสัปดาห์ จึงทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นเอกสาร หรือ พิจารณาเอกสารทั้งหมดได้ ซึ่งทำให้เสียเปรียบในการต่อสู้คดี จึงขอเวลาเพิ่ม จาก 30 วัน เป็น 60 วัน ในการตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งต่อมาศาลได้ให้เวลาตามที่จำเลยร้องขอ
นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ร้องขอความเมตตาต่อศาลในการให้ภรรยาและลูก เข้ามาร่วมรับฟังการพิจารณาคดีในครั้งต่อไป เพื่อเป็นการปรึกษา แต่ศาลไม่อนุญาต และให้เหตุผลว่ามีห้องวิดีโอคอนเฟอเรนท์อยู่แล้วและเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังแถลงต่อศาลถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พยายามวางแผนแหกคุกหลบหนีโดยการวงระเบิดก่อนจะให้เฮลิคอปเตอร์มารับนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาถูกคุมขังเดี่ยวและไม่ได้ติดต่อกับใคร จึงทำให้เกิดความเครียดจนพยายามผูกคอเพื่อฆ่าตัวตาย
"ผมไม่ได้อุ้มฆ่าผู้พิพากษา วันเกิดเหตุไม่ได้อยู่สถานที่เกิดเหตุ ผมถูกคุมขังเยี่ยงสัตว์ จนเครียดผูกคอตายแต่ผู้คุมช่วยได้ทัน รวมถึงไม่มีเวลาอ่านเอกสาร เพราะเอาเอกสารเข้าเรือนจำไม่ได้" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว
จากนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ขึ้นรถเรือนจำกลางบางขวาง กลับไปยังเรือนจำกลางบางขวาง โดยขณะอยู่บนรถเรือนจำ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ชูนิ้ว 3 นิ้วให้กับสื่อมวลชน
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกว่า การคุมขัง พ.ต.ท.บรรยิน เป็นการปฏิบัติตามกฎภมาย ไม่ได้กลั่นแกล้ง และเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบปากคำ 2 นักโทษ คือ โจ กับ ท็อป ผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวเพื่อเตรียมการช่วยเหลือ พ.ต.ท.บรรยิน โดย 2 ผู้ต้องหาดังกล่าวอยู่ในเรือนจำจริง
ยืนยันว่ามีแผนชิงตัวประกัน แต่ขอให้เป็นการสืบสวนของตำรวจ ส่านกรณีที่ พ.ต.ท.บรรยิน บอกว่า อยากฆ่าตัวนายนั้น ไม่ขอยืนยัน อาจจะพูดไปในช่วงที่เกิดความเครียดและกดดันมากกว่า