สอบ 7 ชม. ก๊วนปาร์ตี้คลี่ปมสาว 18 ดับปริศนา พ่อปัดตอบโพสต์รูปอัปยาลงเฟซบุ๊ก (คลิป)

จากกรณี สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.รางสาลี่ อ.ท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ว่าพบศพหญิงสาววัย 18 ปีนอนเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ อยู่บนเตียงไม้บริเวณหน้าบ้านของชาวบ้าน

ผู้ตายชื่อ น.ส.ดาว อายุ 18 ปี ชาว ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5-8 ชม. เนื่องจากเนื้อเยื้อและเลือดเริ่มแข็งตัวแล้ว ล่าสุด ตำรวจได้เรียกสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานปาร์ตี้สอบนานกว่า 7 ชั่วโมง

วันที่ 23 มิ.ย. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่ ต.รางสาลี่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี บ้านของนายพัฒน์ ซึ่งเป็นแฟนของผู้ตาย และน่าจะเป็นคนที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย พบว่าบ้านพักดังกล่าวยังคงปิดเงียบเหมือนเดิม ลักษณะคล้ายไม่มีใครกลับมาที่บ้าน

ทีมข่าวได้พบนางพลอย (นามสมมติ) ป้าที่อยู่บ้านตรงข้าม เปิดเผยว่า ปกติบ้านหลังนี้จะไม่ค่อยได้อยู่บ้านกัน เพราะมักจะไปทำงาน กว่าจะกลับมาก็เป็นช่วงเย็น จึงไม่ค่อยได้สุงสิงกับใคร แต่ช่วงนี้ตนไม่เห็นกลับมาที่บ้าน ส่วนบ้านที่พบศพ ตนไม่เคยออกไปดู เพราะไม่มีใครอยากจะเข้าไปยุ่งกับใคร และหลังเกิดเรื่องสุนัขแถวบบ้านก็เห่าหอนตามปกติ และไม่มีใครเห็นอะไรแปลก เพราะมีการเชิญวิญญาณแล้ว

แต่เท่าที่ตนทราบย่าของนายที ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่พบศพ บอกว่า หากจบเรื่องจะทำบุญ ตนเห็นนายพัฒน์ มาตั้งแต่เกิด เป็นเด็กที่นิสัยดีมาก ไม่เคยมีปัญหากับใคร เวลาเจอกันก็ทักทาย อีกทั้งตนยังไม่เคยเห็นแฟนของนายพัฒน์ แม้แต่พาผู้หญิงเข้าบ้านก็ไม่เคย กระทั่งมาเกิดเรื่องตนก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และตนไม่รู้ว่าโดนมอมยาหรือเปล่า เพราะกำลังรอลุ้นผลชันสูตรอยู่เหมือนกัน

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นายตั้ม (นามสมมติ) รุ่นพี่ของนายพัฒน์ เปิดใจว่า นายพัฒน์เป็นเด็กที่ร่าเริง และเมื่อปีที่แล้วเพิ่งจะออกจากทหารเกณฑ์ ส่วนตัวรู้จักกับนายพัฒน์มาตั้งแต่เด็ก และเคยขับรถเที่ยวเล่น กับดื่มเหล้าด้วยกัน แต่เรื่องเสพยาตนไม่เคยรู้มาก่อน อีกทั้งช่วงหลังมานี้ ตนไปทำงานที่ต่างจังหวัด และเพิ่งจะมาบ้านช่วงโควิด-19 จึงไม่ค่อยได้คุยกัน

แต่ก่อนนายพัฒน์เคยมีแฟนหนึ่งคน และน่าจะเลิกกันนานแล้ว แต่ไม่ใช่น.ส.ดาว เพราะตนไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อน หลังเกิดเรื่องตนรู้สึกตกใจมาก และยังไม่ได้คุยกับนายพัฒน์ เพราะยังไม่เห็นนายพัฒน์ กลับมาที่บ้านเลย และคาดว่านายพัฒน์คงจะรู้สึกเครียดอยู่ ด้วยเหตุนี้ตนอยากให้รอผลชันสูตรออกมาก่อน อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่าผู้ตายถูกมอมยา เพราะเด็กสมัยนี้คงจะไม่มีใครบังคับใครได้

ทั้งนี้ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ บ้านของน.ส.ดาว ในพื้นที่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ซึ่งนายมานพ พ่อของผู้ตาย ขณะนี้ยังคงทำใจไม่ได้ และมีสีหน้าซีดเซียวตลอด เพราะนอนไม่หลับ

นายมานพ เหลืองต้นตะกูล อายุ 49 ปี เปิดเผยว่า ล่าสุดคู่กรณีเข้ามาคุยแล้ว และบอกว่าเดี๋ยวนำเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไว้ และนัดวันคุยกัน แต่ไม่ได้บอกว่าคุยเรื่องอะไร และไม่เห็นว่าจะทิ้งเบอร์ไว้ ส่วนเด็ก ๆ คู่กรณี ตั้งแต่เกิดเรื่องตนก็ยังไม่เคยเห็น และขณะนี้ตนยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับอีกฝ่าย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีไม่ได้มีใครฝันถึงลูกสาว แต่ตนกับภรรยาก็ยังรู้สึกเหมือนลูกสาวยังวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ

ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงแบบไหน เพราะตนยังไม่ได้ติดตามความคืบหน้าจากตำรวจ และทางครอบครัวต้องรอผลชันสูตรก่อน โดยสภาพจิตใจของครอบครัวดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนในหมู่บ้านให้กำลังใจดี ส่วนเรื่องของคดีนี้ตนไม่ทราบว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน และไม่ทราบว่าจะมีใครถูกจำคุก ส่วนตัวไม่มีอะไรจะพูดกับเด็กกลุ่มนี้ และยืนยันคำเดิมว่า “ต้องรับผิดชอบ”

ในวันที่ 10 พ.ย.62 เวลา 00.41 น. ไลฟ์สดเฟซบุ๊กบรรยากาศคล้ายงานปาร์ตี้วันเกิด โดยมีผู้ร่วมงานเป็นผู้หญิง ประมาณ 10-15 คน 

ในวันที่ 12 ม.ค.63 เวลา 23.48 น. ไลฟ์สดเฟซบุ๊ก บรรยากาศคล้ายเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน 

ในวันที่ 19 พ.ค.63 เวลา 07.46 น. โพสต์ข้อความว่า "เป็นไงละดื้อดีหนักกูเนี่ย ไม่เคยรักตัวเอง ใครพูดไม่ฟัง เป็นไงเกือบตายเลยกู"

ในวันที่ 19 พ.ค.63 เวลา 14.07 น. แชร์ภาพนิ่งจากเพจ โดยผู้หญิงภายในรูปทำท่าคล้ายเสพยาเสพติด

ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องราวที่ผู้ตายโพสต์ข้อความเกี่ยวกับยาเสพติด ทำนองว่า แชร์รูปภาพ คนดมยาเสพติดชนิดหนึ่ง ที่ระบุข้อความ “เติมตลอด ปลอดวิเศษ” เป็นต้น 

นายมานพ เหลืองต้นตะกูล พ่อของผู้ตาย เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่เคยเห็นเฟซบุ๊กของลูกสาวมาก่อน เพราะตนเล่นไม่เป็น จึงไม่ทราบว่ามีการโพสต์เรื่องยาเสพติด และส่วนตัวก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะลูกสาวไม่เคยแสดงพฤติกรรมให้เห็น

อย่างไรก็ตาม หากคู่กรณีจะนำเรื่องนี้มาต่อสู้ หรือนำมาฟ้องร้อง ตนขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องรอผลตรวจออกมายืนยันก่อน ทั้งยังกล่าวต่อว่า “จะนำมาสู้กันอย่างไร” เพราะตนเป็นผู้เสียหาย และยังคงยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ