เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ทราบข่าวจากชาวบ้านว่า พบเจอคนจรเดินอยู่ริมถนน ห่างจากหมู่บ้านไปราว 3 กิโลเมตร จึงรีบไปตามเบาะแส ปรากฏว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เดินทางมาคุมตัวชายรายนี้พอดี โดยชายรายนี้วิ่งหนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสวนมันสำปะหลังข้างทางดังเช่นที่หนีทีมข่าว
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
แต่เมื่อทีมข่าวไปถึง พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวชายรายนี้แล้ว โดยนำตัวไปสอบถามหลังพุ้มไม้ใหญ่ พร้อมทั้งนำของในกระเป๋าออกมาตรวจสอบ เบื้องต้นส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า และของเก่าที่อยู่ในถุงพลาสติกจำนวนมาก คนจรรายนี้ไม่ได้มีสีหน้าที่กังวลอะไร ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างดี
วันนี้ชายรายนี้ยังแต่งตัวเหมือนที่ทีมข่าวเจอเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยังพูดคุยกับคนจรได้ปกติ พูดคุยรู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ยังขอไม่ให้มีการพูดคุย คนจรรายนี้ ระบุเพียงสั้น ๆ ตนเองจะไปเขาวง แต่ที่หายไปเพราะไปนอนอยู่ในภู ตนเองยังคงกลัวอยู่ เพราะกลัวว่าจะเสียเวลาจึงวิ่งหนี จากนั้นก็ถูกคุมตัวต่อไปยัง สภ.กกตูม เพื่อสอบถาม และจะมีการมาเก็บดีเอ็นเอไปตรวจสอบ พร้อมทั้งส่งคนจรรายนี้ ไปตรวจสอบทางการแพทย์ปกติ
พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะทีมของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ เดินทางมาสอบปากคำต้วยตัวเอง ท่ามกลางสื่อมวลชน ทั้งนี้คุณลุงบอกว่าตัวเองชื่อ นายสงบ อายุ 56 ปี พื้นเพเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ จบการศึกษานอกระบบเทียบเท่า ม.3 เเละเคยมีภรรยาที่จังหวัดมหาสารคาม เเต่ไม่มีลูกด้วยกัน ซึ่งลุงสงบบอกว่าเดินทางตามหาความฝัน โดยเดินตามเสียงปริศนาทั้งหญิงเเละชาย จะคอยบอกให้เดินตามไปในสถานที่ต่าง ๆ ส่วนหมู่บ้านกกกอก ยืนยันว่าเพิ่งมาครั้งเเรก เเละมาอยู่ได้เพียง 10 วัน โดยอาศัยนอนตามป่าในเส้นทางที่เดินผ่าน ส่วนอาหารการกิน มาจากชาวบ้านมอบให้ สาเหตุที่วิ่งหนีนักข่าวเพราะไม่อยากเสียเวลาตามหาความฝัน
โดยสิ่งของที่พบในกระสอบปุ๋ย ที่ลุงพกติดตัวตลอดเวลา ประกอบด้วย ถุงเสื้อผ้าลักษณะมัดรวมกันหลายถุง ของใช้ส่วนตัว จำพวกกระเป๋า เเละผ้า มุ้ง 1 หลัง หนังสือเด็ก กระเป๋าสะพายเด็ก 1 ใบ เสื้อคลุมเด็ก 1 ตัว ลุงอ้างว่าเก็บได้ระหว่างทาง มีด กรรไกร เเบงก์ 500 จำนวน 1 ใบ บอกว่ามาจากการเก็บสะสม เเละยังพบรูปภาพหญิงสาวเเต่งกายเซ็กซี่ ที่ลุงตัดมาจากนิตยาสาร นอกจากนี้ยังพบสมุดจดคาถา
โดยลุงบอกว่า จดตามเสียงที่ได้ยิน เเละยังมีสิ่งของคล้ายเครื่องรางของขลัง เเต่หลักฐานที่เป็นข้อพิรุธคือเส้นผม โดยลุงอ้างว่าเป็นเส้นผมของตัวเองที่ตัดไว้ เเต่ตำรวจตั้งข้อสังเกตว่าผมของลุงเป็นสีขาว หรือผมหงอก เเต่ผมในกระสอบที่พบเป็นสีดำ
ต่อมาทางด้านกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาเก็บหลักฐาน ลายนิ้วมือ เเละดีเอ็นเอของลุงสงบ เพื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอจากหลักฐานต่าง ๆ ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ขณะที่การสอบสวนในครั้งนี้ตำรวจได้เชิญเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมการสอบปากคำด้วย โดยหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น ได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลมุกดาหาร เพื่อตรวจร่างกายเเละสภาพจิต เเละหลังจากนั้น เบื้องต้นจะส่งตัวไปอยู่ในความดูเเลของ พม.ก่อน
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่บ้านน้องชมพู่ หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้พูดคุยกับช่างวา และช่างโด่ง ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เคยเห็นชายที่ปรากฏในข่าวมาก่อน และไม่เคยคุ้นหน้าเลย จากการที่พวกตนได้ดูข่าว ส่วนตัวคิดว่าชายคนนั้นอาจไม่ได้เป็นคนบ้า เพราะสื่อสารรู้เรื่องและการพูดจาก็เข้าใจภาษา ไม่เหมือนคนสติไม่ดี ซึ่งตนเองคิดว่าชายคนดังกล่าวน่าจะเป็นคนเร่ร่อน หรือคนที่ตกงานและไม่มีที่อยู่มากกว่า
ทั้งนี้ตนคิดว่าหากเป็นคนบ้าต้องไม่ใส่รองเท้า ไม่ใส่เสื้อ และอีกอย่างตนคิดว่าชายดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องคดีชมพู่ และไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย และก็ยังไม่มีอะไรมาเป็นหลักฐานว่าเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะชายคนนั้นอาจจะไม่รู้เรื่อง แค่ผ่านมาเฉย ๆ ส่วนตัวตนเองก็สงสารชายคนนั้น เพราะคงตกใจถึงได้วิ่งหนี ส่วนเรื่องคำพระทำนาย แม่ตนก็เครียดมาก เพราะไม่ค่อยสบายใจ อยากให้พระหรือร่างทรง ช่วยเงียบ ๆ เพราะไม่ใช่ความจริง ตนคิดว่าพระดูข่าวแล้วคงจับแพะชนแกะ เกิดอาการหลอนมาพูดมากกว่า
นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ เปิดเผยว่า กรณีบทสวดคาถาแปลก ๆ ที่พบว่าเป็นของชายสติไม่ดีนั้น หลังจากที่ตนได้ดูแล้วเชื่อว่าเป็นคาถาอะไรบางอย่าง เชื่อว่าน่าจะมีของ แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นบทอะไร ส่วนเส้นผมก็ไม่ทราบว่าจะใช่ของน้องชมพู่หรือไม่ ต้องรอเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากใช้คนร้ายก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย
ส่วนนายนริน ตนรู้จักเมื่อราว 2 ปี และเคยไปล่าสัตว์ด้วยกันอยู่บ้าง แต่หลังจากตนมีงานทำที่บ้านแล้ว จึงไม่ได้ไปกับนายนรินอีก ตนไม่เคยทราบว่านายนรินมีปัญหาเรื่องเช่นนี้มาก่อน ก็ไม่ทราบความจริงว่าเป็นอย่างไร ตอบไม่ได้ หรือคลาดเคลื่อนอาจจะจำเวลาผิดหรือไม่ แต่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะวันที่ค้นหาน้องชมพู่ ตนไม่ทันสังเกตนายนริน เพราะตนไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้าน ส่วนใหญ่วิ่งหาหมอธรรม แต่เท่าที่เห็น ตนไม่เห็นนายนริน
ทีมข่าวลงพื้นที่มายังวัดป่านฤมิตร พบกับหลวงพ่อรวย จิตตสาโร พระครูบาเจ้าหน่อเขี้ยวแก้วต้นบุญเทวา หรือ “ครูบารวย” เจ้าอาวาสวัดป่านฤมิตร (ถ้ำมังกรทอง) จ.นครราชศรีมา โดยครูบารวย บอกว่า วันเสาร์-อาทิตย์ จะมีข่าวดี หากเทียบลุงสงบ ชายสติไม่ดี กับนายนริน ว่าใครเป็นผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ ต้องเทียบกับเส้นผม ถ้าเส้นผมธรรมชาติของนายนริน มีสีเทาก็น่าจะมีเปอร์เซ็นต์ว่าอาจจะเป็นคนร้ายได้ แต่เส้นผมของลุงสงบ ที่ตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ ดูแล้วชัดเจนกว่า คิดว่าลุงสงบ มีส่วนเชื่อมโยงกับคดีน้องชมพู่
ในนิมิตนั้นเห็นคนร้าย คดีน้องชมพู่ เป็นคนผมยาว มีผมสีเทา เป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดที่สุด อยากจะฝากถึงตำรวจที่ทำคดีให้ตรวจสอบให้ละเอียด เพราะ 2 คนนี้มีจุดที่มีความเหมือนก็คือ มีลักษณคล้าย ๆ กับในนิมิตที่เจ้ากรรมนายเวรแสดงให้เห็น คนบ้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้ ลักษณะคล้าย ๆ กับในนิมิต ทรงผมกับสีผมเรียกว่าใช่เลย แต่ทางตำรวจก็ต้องตรวจดีเอ็นเอเสียก่อนว่าจะใช่คนร้ายหรือไม่
ส่วนคาถาที่เจอในกระดาษ เขียนด้วยหมึกสีแดง เป็นคาถาของพวกจอมขมังเวทย์ ของดินแดนที่ติดกับแม่น้ำโขง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไทยหรือฝั่งเพื่อนบ้าน เป็นคาถาเวทย์มนตร์ที่สั่งเป็น หรือสั่งตาย เป็นคาถากำกับมหาภูต ทั้ง 4 ที่อยู่ในบริเวณนั้น รวมถึงเจ้าที่เจ้าทาง เป็นคาถาที่ออกคำสั่ง สั่งเป็นหรือสั่งตาย สั่งพวกนี้ให้รับใช้
เรื่องเสียงชายหญิงที่กระซิบ บอกคนบ้า จึงเดินตามมาถึงบ้านกกกอก มองว่า คนพวกนี้ส่วนใหญ่จะเลี้ยงภูตผี หรือวิวิญญาณที่เลี้ยงไว้ คนพวกนี้จะทำอะไรแต่ละอย่างต้องมีเข็มทิศ ก็คือพวกภูต ไม่ว่าต้องการสิ่งใด วิญญานผู้ชาย วิญญานผู้หญิง จะเป็นเครื่องนำทางเหมือน สัญญาน GPS แต่มาในลักษณะเสียงกระซิบข้างหู
