จากกรณีโซเชียลมีการแฉภาพไกด์สาวหล่อ ยืนโพสต์ท่าเหยียบพระปรางค์วัดอรุณฯ
จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ก่อนถูกชาวเน็ตขุดประวัติแฉเพิ่มพฤติกรรมมากมาย
ล่าสุด วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่สน.บางกอกใหญ่ "ไกด์นนนี่" เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมรับทราบข้อกล่าวหา
โดย
พ.ต.อ.จารุภัชร ทองโกมล ผู้กำกับการ สน.บางกอกใหญ่ ให้ข้อมูลว่า ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ กำหนดว่าห้ามปีนป่ายและโพสต์ท่าทางที่ไม่เหมาะสม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ และโทษดังกล่าวถือเป็นความผิดลหุโทษ จึงได้มีการปล่อยตัวชั่วคราว โดยวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จะคุมตัวไปที่ศาลแขวงตลิ่งชัน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นิมนต์พระมหาบุญรุ่ง สิริโชติ ผู้แทนเจ้าอาวาส วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร มาให้ข้อมูลตามระเบียบปฏิบัติ เนื่องจากไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า และเพื่อให้ตัวแทนเจ้าอาวาสได้ยืนยันความเป็นโบราณสถานของวัดด้วย
หลังจากการแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ไกด์นนนี่ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้นอกจากที่จะมาแสดงความบริสุทธิ์แล้ว ยังอยากขอวิงวอนสื่อให้ความเป็นธรรม อย่าตัดสินว่าใครผิดเพียงรูปถ่ายแค่ไม่กี่ภาพ โดยภาพเหยียบพระปรางค์วัดนั้น ตนยอมรับผิด แต่เกิดจากความไม่ตั้งใจ เพราะขณะนั้นมีนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่ตนรับผิดชอบดูแลปีนขึ้นไป ตนจึงต้องตามขึ้นไปนำตัวลงมา และต้องจำยอมถ่ายรูปนั้นเพราะนักท่องเที่ยวมีเงื่อนไขว่าถ้าไม่ถ่ายจะไม่ยอมลงมา
พร้อมกันนี้ ไกด์นนนี่ได้แจ้งความเอาผิด "ฟ้า" หญิงสาวผู้ที่โพสต์ภาพตนลงโซเชียล โดยเล่าว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ฟ้าพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายตนทุกครั้งที่มีโอกาสเจอหน้ากัน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้ง ยืนยันว่า ตนไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมฟ้าถึงต้องทำแบบนี้ รู้เพียงว่าเวลาเจอหน้ากัน ฟ้ามักพูดกล่าวหาว่าตนไปนินทาว่าร้าย และท้าทาย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
ไกด์นนนี่ ยอมรับว่า รู้จักกับฟ้าเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อพบว่า ฟ้า มีนิสัยไม่ดี ขี้อิจฉา ชอบใส่ร้ายป้าสีคนอื่น จึงตัดสินใจเลิกคบ นอกจากนี้ ตนเคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังภายหลังด้วยว่า ฟ้ามักจะไปแอบอ้างว่าเป็นแฟนกับตน จึงเป็นเหตุให้เวลาเกิดทะเลาะวิวาท บุคคลอื่นจึงไม่กล้าเข้ามายุ่ง เพราะคิดว่าเป็นเรื่องกระทบกระทั่งตามประสาแฟน
นอกจากนี้ ไกด์นนนี่ ยังได้เปิดเผยคลิปบันทึกภาพขณะที่ถูกฟ้าบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายจำนวน 2 คลิป โดยคลิปแรก เกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ขณะนั้นตนถูกฟ้าปรี่เข้ามาสาดน้ำใส่ โดยที่ตนไม่ทันได้ตั้งตัว และพยายามเข้ามาตบตีทำร้ายร่างกายด้วย
ส่วนคลิปที่ 2 เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุด เมื่อประมาณ 5 วันที่ผ่านมา บนรถบัสต่อหน้าลูกทัวร์ ในคลิปดังกล่าวจะเห็นว่าตนพยายามที่จะหาจังหวะขึ้นคร่อม และง้างหมัดจะตอบโต้ แต่ก็ไม่ได้ทำ และเป็นอย่างนี้แทบทุกครั้งที่ผ่านมาที่ตนไม่เคยตอบโต้เลยทั้งที่มีโอกาส เพราะนึกถึงคำพ่อแม่สอนว่า "เราทุกคนไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายใครอื่นก็ตามบนโลกนี้ มดสักตัวตนก็ยังไม่เคยฆ่า"
ทั้งนี้ไกด์นนนี่ เคยแจ้งความดำเนินคดีกับฟ้าและพวกไปแล้วบ้าง เช่น ที่ สภ.บางพลี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย, ที่สภ.บางเสาธง ในความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยหลังจากเป็นข่าว ยอมรับว่า ตนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยเมื่อเช้านี้ มีชายอ้างว่าเป็นตำรวจโทรศัพท์เข้าไปที่บริษัทที่ตนทำงานอยู่ อ้างว่าตนมีหมายจับหลายคดี จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทสั่งพักงานชั่วคราว ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม และวันนี้ตนได้ให้ตำรวจ สน.บางกอกใหญ่ และ ตำรวจท่องเที่ยวตรวจสอบหมายจับแล้ว ปรากฎว่าไม่มีอยู่จริงตามที่ถูกกล่าวอ้าง และไม่มีตำรวจคนไหนโทรศัพท์ไปที่บริษัท
ไกด์นนนี่ ยืนยันอีกครั้งว่า เป็นไกด์ตัวจริง ไม่ได้เป็นไกด์เถื่อนหรือผู้ช่วยไกด์ตามที่ผู้ไม่หวังดีกล่าวอ้าง วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนเรื่องมีคนต้องการให้ตรวจสอบจรรยาบรรณ ตนยินดีให้ตรวจสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเคยเข้าไปชี้แจงต่อกรมการท่องเที่ยวหมดแล้ว หลังจากนี้ตนจะดำเนินคดีกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ตนได้รับความเสียหายทั้งชื่อเสียงและหน้าที่การงานอย่างถึงที่สุด ถึงเวลาที่จะต้องออกมาปกป้องตัวเองบ้าง
ด้าน
น.ส.จิรภัทร แก้วชินพร มัคคุเทศก์ภาษาอังกฤษ เปิดเผยว่า มัคคุเทศก์ส่วนใหญ่รับไม่ได้กับภาพของไกด์นนนี่ที่เหยียบพระปรางค์ เพราะเป็นโบราณสถานที่คนไทยทุกคนหวงแหน แม้ไกด์นนนี่จะอ้างว่าตัวเองเรียนจบสูง แต่สิ่งสำคัญคือจิตสำนึกความเป็นไทย หากไม่เคารพบ้านเกิดของตัวเองก็ไม่ควรมาเป็นไกด์ รวมถึงการกอดจูบกับนักท่องเที่ยวที่เจ้าตัวอ้างว่าตัวเองเป็นคนเฟรนด์ลี่ ไม่ถือตัว บางครั้งก็ควรมีขอบเขต ถึงแม้ล่าสุดไกด์นนนี่จะออกมาขอโทษ ตนคิดว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่ได้ออกมาจากใจและไม่ได้รู้สึกผิดจริงๆ หากไกด์นนนี่รู้สึกสำนึกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็คิดว่าทุกคนพร้อมจะให้อภัย
ขณะที่
นายชาติ จันทนประยูร นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้ตนได้ ทำหนังสือ ถึงสมาคมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ให้ทราบว่ามัคคุเทศก์ในภาพรวม เกิดความไม่สบายใจกับการกระทำของไกด์นนนี่ และอยากให้ทั้ง 2 หน่วยงานในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย ออกมาดำเนินการตามความผิด
อีกทั้งจากการตรวจสอบ พบว่า ไกด์นนนี่ เป็นไกด์ภาษาอังกฤษ แต่การไปทำหน้าที่ในตลาดของนักท่องเที่ยวจีน เป็นเพียงผู้ช่วยไกด์ เพราะยังสื่อสารได้ไม่ดีพอ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย จึงอยากให้ภาครัฐตรวจสอบผู้ประกอบการที่ว่าจ้างไกด์นนนี่ ว่าเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นบริษัทนอมินี ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ จ้างไกด์ไทยบังหน้า ตามที่ทราบกันในวงการมัคคุเทศก์ แต่หากเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ควรมีมาตรการตักเตือน หรือจัดการกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมของไกด์นนนี่