อีกหนึ่งบุคคลที่ทำเพื่อสังคมมาตลอดอย่าง “สิงห์ วรรณสิงห์” ที่ก่อนหน้านี้เองมีโครงการเปิดรับบริจาคช่วยเหลือเหตุการณ์ไฟป่าที่ภาคเหนือช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวัตถุประสงค์คือ ต้องการระดมทุนไปซื้ออุปกรณ์ดับไฟ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทีมดับไฟป่าเชียงใหม่ถาม "ฌอน บูรณะหิรัญ" เปิดบริจาคแต่ทำไมไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ
- ปกครองเร่งสอบปม "ฌอน" เปิดรับบริจาคช่วยไฟป่า เล็งแก้ กม.เรี่ยไรใหม่
- เจ้าหน้าที่ยันไม่เคยได้รับเงินช่วยไฟป่า จี้ฌอนโชว์บัญชี–เจ้าตัวยังเงียบ (คลิป)
โดยเงินบริจาคนำไปช่วยเหลือในระยะสั้นคือ การซื้ออุปกรณ์ดับไฟ เช่น เครื่องเป่าลม ถุงมือ ถุงเท้าป้องกันไฟ เป็นต้น ซึ่งได้ยอดรับบริจาคมาประมาณ 3.7-3.8 ล้านบาท โดยใช้เงินไปแล้วประมาณ 2 ล้านกว่าบาท ยอดคงเหลือประมาณ 1.2 ล้านกว่า ทั้งนี้ในส่วนยอดเงินที่เหลือดังกล่าวนั้นส่วนตัวก็ไม่นิ่งนอนใจ เพราะได้ต่อยอดโครงการช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาไฟป่าระยะยาว นั้นก็คือการสนับสนุนค่ายเกษตรยั่งยืน
วันนี้ (1 กรกฎาคม 2563) ทีมข่าวบันเทิงอมรินทร์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “สิงห์ วรรณสิงห์” เจ้าตัวเล่าว่า ล่าสุดเพิ่งเดินทางไปที่จังหวัดเชียงรายเพื่อร่วมสร้างฝายชะลอน้ำ ฟื้นฟูป่าไม้และอนุรักษ์น้ำตามโครงการ "หทัยกก" ซึ่งส่วนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้นำเงินจากที่บริจาคไปสนับสนุน
"ยอมรับที่ผ่านมาเราเองก็แจกแจงในส่วนของยอดเงินที่รับบริจาคมาตลอด เรียกว่าเขียนรายละเอียดของที่ชื้อไปจำนวนเท่าไหร่ เงินเหลือเท่าไหร่ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ตนมองว่าเป็นความโชคดีของตนคือการเปิดรับบริจาคที่ผ่านมานั้นเราเองก็ได้ร่วมมือกับมูลนิธิเเห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนการการันตีให้คนที่บริจาคได้เห็นว่าสามารถเชื่อมั่นได้ เพราะส่วนตัวมองตั้งแต่แรกแล้วว่าหากเป็นโครงการบริจาคช่วยเหลือส่วนตัวไม่อยากทำในนามตนเองคนเดียว เพราะแอบหวั่นอยู่เหมือนกันว่าอาจจะเกิดข้อครหาได้"
“สิงห์ วรรณสิงห์” ยังเผยอีกว่า ช่วงเปิดรับบริจาคช่วงแรกก็ได้รับแรงเสียดทานพอสมควร ถึงขั้นที่มีบางเพจเข้ามาตรวจสอบการดำเนินโครงการด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้เพราะส่วนตัวพร้อมออกมาชี้แจงอย่างรวดเร็ว ตลอดจนมีนายตำรวจในท้องที่ยังต่อสายตรงมาสอบถามว่าการบริจาคได้ขออนุญาตหรือยัง ส่วนตัวตอนนั้นก็แจ้งไปว่ายังไม่ได้ขออนุญาตเพราะเป็นเรื่องด่วน หลังจากนั้นไม่นานทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ก็โทรมาบอกอีกครั้งว่าไม่เป็นไรเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการความช่วยเหลือ ส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าวคงจบไป
แต่ล่าสุดพอมีกระเเสสังคมกลับมาอีกครั้งในเรื่องของการบริจาค ส่วนตัวก็พร้อมที่จะออกมาชี้แจง ทั้งนี้ส่วนตัวยังมองอีกว่านอกเหนือจากการออกมาตรวจสอบแล้ว ตนไม่อยากจะจบเพียงแค่การคอร์รัปชั่นเท่านั้น แต่อยากให้สังคมเดินหน้าต่อไปถึงเรื่องการแก้ปัญหาระยะยาว เพื่อเป็นมาตรฐานให้กับคนที่จะออกมาเรี่ยไรรับบริจาคว่าต้องมีกฎเกณฑ์ระดับหนึ่ง ตลอดจนคนที่จะบริจาคเองก็จะได้ทราบว่าการบริจาคนั้นจะตรวจสอบได้อย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ถามว่าจะต้องถึงขั้นร่างกฎหมายหรือตั้งข้อระเบียบออกมาบังคับในการเปิดรับบริจาคเลยหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าต้องอยู่ในความพอดีระหว่างการเปิดรับบริจาคช่วยแก้ปัญหาระยะยาว ที่อาจจะต้องมีกฎระเบียบหรือมีหน่วยงานเข้ามาพร้อมสนับสนุน โดยที่ขั้นตอนกระบวนการต้องไม่ยุ่งยากจนเกินไป และอีกหนึ่งอย่างคือ การรับบริจาคในการช่วยแก้ปัญหาระยะสั้น อันนี้เป็นเรื่องฉุกเฉิน ประมาณไฟป่าน้ำท่วม หรือภัยวิบัติอื่น ๆ ที่สร้างผลกระทบวงกว้าง ทางหน่วยงานเองก็อาจจะต้องยืดหยุ่นในส่วนของข้อบังคับ เพราะหากจะยึดตามกฎก็คงต้องใช้ระยะเวลานา อาจไม่ทันการก็ได้
"คือข้อได้เปรียบของประชาชนอย่างพวกเรา ข้อแรกคือการเคลื่อนไหวเร็วกว่าภาครัฐ แต่ข้อเสียเปรียบคือเราตรวจสอบยากกว่า เพราะเราเป็นปัจเจกบุคคล แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้ง่ายนั้นก็คือการที่ผู้รับบริจาคนั้นต้องโปร่งใส เหมือนกรณีของตนที่โพสต์ชี้แจงค่าใช้จ่ายหรือสิ่งที่ซื้อไป เท่าไหร่ อย่างไร มันทำให้ตรวจสอบง่าย แต่หากเราไม่โพสต์มันทำให้การตรวจสอบอาจยากขึ้น ทั้งเราเองก็ควรจะมีมาตรฐาน แยกกฎหมายออกเป็นหนึ่งเรื่อง หากมาตรฐานทางสังคมเซตไว้สูงหน่อยต่อไปทุกคนก็จะต้องทำตาม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี"
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เกี่ยวกับการเปิดรับบริจาค จะส่งผลให้คนที่ตั้งใจช่วยจะเหลือหมดศรัทธาหรือไม่ ทาง "สิงห์" กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องการช่วยเหลือคงไม่หายไปจากสังคมไทย เพราะคนไทยมีนิสัยที่ชอบบริจาคเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องทีดี ที่จะมีการตรวจสอบ เพื่อให้ทราบถึงที่มาที่ไปและยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่อยากทำบุญร่วมบริจาคด้วย เพราะถือว่าเป็นการยกระดับสังคมอีกหนึ่งสเต็ป เหมือนที่ผ่านมาการบริจาคหรือร่วมสมทบทุนมีช่องว่างเหมือนหลุมดำ แต่พอเกิดแบบนี้ขึ้นหลุมดำดังกล่าวก็เริ่มสว่างขึ้นเพื่อให้มีการตรวจสอบ เชื่อการทำบุญแบบคนไทยยังคงมีเหมือนเดิม