ความคืบหน้าวันที่ 20 ธันวาคม 2560 หลังจาก นายปัณฑพล ประสารราชกิจ หรือ "โอม ค็อกเทล" นักร้องชื่อดังพร้อมกับสมาชิกในวงค็อกเทล ได้ทราบเรื่อง วัยรุ่มรุมทำร้ายคนขับแท็กซี่ และผู้หญิง ได้ติดต่อให้ความช่วยเหลือกับทางครอบครัวผู้เสียหาย ในส่วนของการจัดหาทนายความ และเงินช่วยเหลืออื่นๆ เนื่องจากวงค็อกเทล เห็นว่าคดีดังกล่าว เป็นคดีอุกอาจและไม่ดีต่อสังคม
นายกฤตภาส รอดหลัก คนขับแท็กซี่ บอกว่า การที่วงค็อกเทลได้เข้ามาช่วยเหลือ เป็นเพราะลูกสาวเป็นแฟนคลับติดตามผลงาน รวมถึงวันที่เกิดเหตุ เป็นช่วงของการเดินทางกลับจากการชมคอนเสิร์ตของวงดังกล่าว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายหลังจากที่ตนทราบข่าวว่า วงค็อกเทลจะเข้ามาช่วยเหลือ ตนก็อยากจะขอบคุณ และดีใจที่ได้รับการช่วยเหลือจากวงค็อกเทล
นอกจากนี้ นายกฤตภาส บอกว่า เรื่องที่ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท เป็นเพราะว่า ตนอาจจะมีส่วนผิดพลาดในการขับรถ แต่ยืนยันว่าตนได้ขับรถเข้ามาเต็มเลน และมีการขับรถอย่างระมัดระวัง ในส่วนที่มีการด่าทอ ตนคิดว่าคงจะไม่เอาผิด เพราะเข้าใจว่าทางคู่กรณี อาจจะโมโหแทนเพื่อน ที่ประสบอุบัติเหตุ
ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกาย นายกฤตภาส บอกอีกว่า หลังจากนี้จะเข้าไปพบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหารือถึงการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม กรณีที่มีอาวุธปืน และข้อหาที่มีการคุกคาม ระหว่างที่ตน และลูกสาว หลบเข้าไปอยู่ในรถ โดยคู่กรณียังพยายามตามเข้ามาหาเรื่อง ทำลายรถ ถึงแม้ว่าทางคู่กรณี จะเข้ามาขอโทษในช่วงที่แถลงข่าว แต่ต้องยอมรับว่า ตนยังโกรธ จึงตั้งใจจะไปเอาผิดอีก 2 ข้อหา
อย่างไรก็ตามตน และครอบครัว ต้องระมัดระวังการขับรถบนท้องถนนมากขึ้น เพราะรู้สึกหวาดกลัว หลังจากผ่านเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นกลุ่มนี้
นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ภาพหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดจากเต็นท์รถ บริเวณจุดเกิดเหตุที่รถจักรยานยนต์พุ่งชนท้ายรถแท็กซี่ จากภาพจะเห็นได้ว่า รถแท็กซี่ขับมาในเลนกลาง ก่อนจะเปิดไฟเลี้ยว และตัดเข้ามาในเลนซ้ายสุด เพื่อจะจอดรถตามที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้
รถแท็กซี่คันดังกล่าวไมได้ขับมาด้วยความเร็ว และไม่ได้ปาดหน้าชิดซ้าย ในระยะกระชั้นชิด โดยภาพจากกล้องวงจรปิด แสดงให้เห็นว่า รถจักรยานยนต์ขับมาด้วยความเร็ว ก่อนพุ่งเข้าชนท้ายรถแท็กซี่อย่างจัง ทั้งนี้หลังเกิดอุบัติเหตุ ยังปรากฏภาพคนขับรถแท็กซี่ ลงมาดูอาการคนเจ็บอีกด้วย
ด้าน นายสมชาย ทรัพย์ธำรงค์ อาสากู้ภัยที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เล่าว่า ทางกู้ภัยได้ไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า ทางกลุ่มวัยรุ่นที่ขับรถจักรยานยนต์สามารถที่จะลุกเดินได้ รวมถึงจากการตรวจสภาพร่างกาย กระดูกเบื้องต้นแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ได้มีอาการสาหัสมากนัก แต่หลังจากนั้น ก็ได้มีการมานอนและสลบไป ทำให้กลุ่มวัยรุ่นที่ตามมาภายหลัง เข้าใจว่าเพื่อนที่รถชนนั้น อาการสาหัส ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น
โดยนายสมชาย ยืนยันได้ว่าทางฝั่งครอบครัวของแท็กซี่ ไม่ได้เริ่มก่อน และไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด มีเพียงแต่ทางกลุ่มวัยรุ่นที่พยายามจะโวยวาย และเข้าทำร้าย ซึ่งช่วงที่ลูกสาวคนขับแท็กซี่ถูกทำร้ายนั้น ก็เกิดตอนที่ทางกู้ภัยเริ่มจะทยอยออกจากพื้นที่จุดเกิดเหตุแล้ว อีกทั้งช่วงที่ทำร้าย ตนก็ไม่เห็นเหตุการณ์ เพราะว่าไปทำร้ายที่หลังรถกู้ภัย ที่บังอยู่ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ ประกอบกับในช่วงนั้น ค่อนข้างจะชุลมุนพอสมควร เพราะทางกลุ่มวัยรุ่นได้เดินทางมาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ รวมกว่าสิบคน
ด้านนางสาววัณทิกา รานอก อาสาในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ที่ออกมาพูดนั้น ไม่ได้เป็นการเข้าข้างแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นการพูดจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะขนาดตนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ทั้งปาก และที่แขนเป็นรอยช้ำเขียว ซึ่งตนก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะเรื่องแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้ และคิดว่าทางผู้ต้องหาก็โดนสังคมประ
ณามมากแล้ว