กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมแถลงผลการจับกุม นางสาวพัชญาภา หรือ แจง คงสายอายุ 29ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ.478/2560 ในข้อหาฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่นที่จ.497/2560ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนพร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อHuawai สีทอง จำนวน 2 เครื่อง,บัตรอิเอทีเอ็มจำนวน 5 ใบ และสมุดเงินฝากธนาคารจำนวน 2 เล่ม ภายหลังจากมีผู้เสียหายนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ โดยการแถลงผลการจับกุมมีผู้ผู้เสียหายจำนวน 4 คน เดินทางมาร่วมฟังการแถลงการจับกุมด้วย
พล.ต.ท.สุรชัย กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้เปิดเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อ "พัชญาภา คงสาย" และในช่วงปี 2560 ได้เริ่มโพสต์โฆษณาเชิญชวนให้ร่วมประมูลทองคำหลายรายการ ทั้งทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณ โดยเริ่มเปิดประมูลในราคาที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดเกือบครึ่งราคา โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ที่ประมูลได้ต้องโอนเงินชำระค่าทองคำ ผ่านทางบัญชีธนาคารเข้ามาให้ก่อนจึงจะมีการส่งมอบทองคำที่ประมูลได้ให้ในภายหลัง ซึ่งมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก
ช่วงแรก นางสาวพัชญาภา ผู้ต้องหา ได้ส่งมอบทองคำให้กับผู้ที่ประมูลได้จริง และทองคำที่ส่งให้ก็เป็นทองจริง ทำให้ผู้ที่ร่วมประมูลได้นำทองมาขายต่อเพื่อเก็งกำไร ได้มากกว่าราคาที่ซื้อไป ต่อมาจึงได้มีการประมูลเพิ่มจำนวนเงินในการสั่งซื้อทองคำมากขึ้น โดยมีผู้เสียหายโอนเงินค่าสั่งซื้อเข้าบัญชีของ นางสาวพัชญาภา เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับทองคำตามจำนวนที่สั่งซื้อ ก่อนที่นางสาวพัชญาภาจะปิดเฟซบุ๊กและขาดการติดต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อผู้เสียหายทราบว่า ถูกหลอกลวงจึงร่วมกันเดินทางเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน จนนำไปสู่การอนุมัติหมายจับ ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องรายนี้ได้ที่ อ.เกาะข่า จ.ลำปาง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสามีของผู้ต้องหา
พล.ต.ท.สุรชัย กล่าวว่า คดีนี้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกระจายอยู่จังหวัดต่างๆทั่วประเทศรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ราย จากการสืบสวนมีความเป็นไปได้ว่า กรณีนี้มีการทำเป็นขบวนการแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อขยายผลการจับกุมหา ตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ได้ตั้งจุดรับเรื่องร้องทุกข์ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค4ให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในคดีนี้เข้ามาให้ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป