จากกรณีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.63 เวลาประมาณ 19.00 น. ตำรวจ สภ.พุเตย รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่ง พื้นที่หมู่ 12 ต.พุเตยย อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
ที่เกิดเหตุพบศพนายประไพ หรือ อึ่ง อายุ 48 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่บริเวณศีรษะ ลำตัว และกลางหลัง รวม 5 จุด เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบเศษหัวกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบปลอกกระสุน คาดว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนชนิดลูกโม่ ในการก่อเหตุ
ทั้งนี้ก่อนหน้าจะเกิดเหตุมีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แคบ สีบรอนซ์เงิน ยกสูง ทะเบียน 8018 กรุงเทพฯ จำหมวดอักษรไม่ได้ เข้ามาจอดที่หน้าร้านและก่อเหตุยิง ก่อนขับรถหลบหนีไปทางเขตเทศบาลตำบลพุเตย มุ่งหน้าไปทาง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐาน ว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ส่วนสาเหตุของการถูกฆ่า จะมาจากเรื่องส่วนตัว รวมไปถึงอาจจะโยงเรื่องที่ผู้ตายเคยก่อคดีลักทรัพย์มาอย่างโชกโชน
ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบนางเครือ โนนสูง อายุ 67 ปี แม่เลี้ยงของผู้ตาย ชี้ให้ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ดูโต๊ะที่ลูกชายถูกยิงจากข้างหลัง ก่อนจะ หนีตายมาหลบอยู่ฟากโต๊ะ แต่ก็ถูกยิงซ้ำจนเสียชีวิต ตอนเกิดเหตุ มี 4 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ คือ ผู้ตาย ตนเอง พ่อ และภรรยาของผู้ตาย ส่วนลูกสาว อายุ 20 ปี และลูกชายอายุ 13 ปีอยู่ในห้องนอนหลังร้าน
นางเครือ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ก่อนที่ลูกชายจะถูกยิงตาย มีเด็กวัยรุ่นมาถามหาลูกชาย ช่วงประมาณบ่ายโมง คนถามอายุประมาณ 20 - 25 ปี ผิวขาวผมสั้น ส่วนคนที่มาด้วยกันอายุประมาณ 25 - 30 ปี ไม่คุ้นหน้า มาถามว่า "พี่อึ่งล่ะ" ตนเองก็ตอบไปว่าลูกชายยังไม่ได้มา อยู่ในบ้าน แล้วก็ถามตนว่าบ้านนายอึ่งอยู่ที่ไหน
ทั้งนี้ตนจึงถามว่าเคยอยู่ในนั้นกันเหรอ (ในคุก) ชายคนที่มาถามแค่หันมายิ้ม ไม่ตอบกลับอะไร ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปเลย ตนจำสีรถไม่ได้ ซึ่งตนก็ไม่คิดเอะใจอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งนายอึ่ง ก็มาหาตนที่บ้าน มาช่วยพ่อทำงานบ้าน และตนไม่ได้ถามว่า มีคนไปหาหรือไม่ หรือเจอกันไหม กระทั่งลูกมาถูกยิงเสียชีวิตที่ร้านตามสั่งดังกล่าว
นางเครือ เล่าอีกว่า ตอนนั้นตนกำลังทำกับข้าวอยู่ ตั้งน้ำมันทอดปลา ลูกชายกำลังถางหญ้าช่วยพ่ออยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน และเดินมานั่งพักที่โต๊ะหน้าร้าน โดยนั่งหันหลังให้ถนนอยู่ฝั่งขวาของโต๊ะ ส่วนภรรยาก็กลับมาพอดี ไปหยิบน้ำมา และมานั่งตรงฝั่งซ้ายของโต๊ะ นั่งกัน 2 คน ยังไม่ทันได้คุยกัน สักพักเห็นรถมาจอด ตนจำสีและยี่ห้อไม่ได้ ก่อนจะได้ยินเสียง "ไอ้อึ่ง ไอ้อึ่ง" โดยลักษณะเรียกไปด้วย พร้อมกับยิงใส่ลูกชาย 2 นัด ได้ยินเสียงแบบนั้น ก็รู้แล้วว่าลูกถูกยิง
แต่ไม่กล้าวิ่งมาดู ได้แต่ตะโกนไปว่า "ไอ้อึ่ง ไอ้อึ่ง ตะโกนเรียกลูกอยู่แบบนี้" และได้ยินเสียงคนร้าย ตะโกนบอกภรรยา และสามีตน ซึ่งเป็นพ่อผู้ตายที่ยืนอยู่ใกล้กับจุดที่นายอึ่งถูกยิง ว่าให้หนีไป ตนตกใจมาก ถูกยิงที่หลัง 2 นัด และหนีมาฟุบลงที่พื้น คนร้ายก็ตามมายิงใส่ลูกชายตนอีกหลายนัดรัวไม่ยั้ง ตนไม่ได้หลบไปไหน สังเกตว่าคนร้ายตั้งใจมายิงลูกชายตนคนเดียว
หลังก่อเหตุ คนยิงก็ขับรถหนีไปทางตลาด โดยมีหลานสาวอายุ 20 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ตามไปติด ๆ แต่คนร้ายไม่ทำอะไร ก่อนขับรถหนีไปอย่างลอยนวล ส่วนหลานสาวเห็นว่า ตามไม่ทัน และไม่ถูกทำร้ายอะไร จึงเลี้ยวรถไปแจ้งความที่โรงพัก
นางเครือ บอกว่า ที่ผ่านมายอมรับลูกชายมีคดีลักทรัพย์ติดตัวมา 2 คดี ติดคุกแต่คดีตัดสินจบไปทุกคดีแล้ว และเพิ่งพ้นโทษมาได้ 1 เดือนใช้ชีวิตตามปกติอยู่เป็นเดือน ไม่มีปัญหากับใคร ลูกชายก็ไม่ได้บอกว่ามีใครตาม หรือระวังตัวอะไร กระทั่งมาถูกยิงตาย ทั้ง ๆ เช้าวันเกิดเหตุกำลังจะไปเที่ยว ทะเล อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เช่าที่พักไว้หมดแล้ว แต่ไม่ได้ไป ต้องล้มเลิก
สุดท้ายอยากบอกคนทำว่า ตนไม่รู้ว่าคนจะยิงลูกชายไปทำไม อยากถามเหมือนกันว่าสาเหตุอะไร ทำไมถึงมายิงลูกชายตน ทำไมมาฆ่าแกงกันแบบนี้ ทำไมถึงตั้งใจมายิงมาฆ่า ต่อหน้าต่อตาลูกเมีย พ่อแม่ ที่อยู่ด้วย มันสะเทือนใจ อยากบอกว่าทำไมใจร้ายจัง คนพ้นโทษมาแล้ว อยากกลับตัว ทำไมไม่ลองดูกันไป ทำไมต้องมาฆ่ากับแบบนี้ ไม่ทันได้กลับตัวและเลี้ยงดูพ่อแม่และลูกเมียเลย ตอนนี้ตายไปแล้วใครจะมาเลี้ยงลูก
นอกจากนี้ ความคืบหน้าทางคดี ตำรวจ สภ.พุเตย จ.เพชรบูรณ์ เรียกคนในครอบครัวสอบปากคำทุกคน และอยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ เพื่อติดตามเส้นทางของคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่มีได้ เพราะเกรงจะส่งผลเสียต่อรูปคดี