ครูยอมขอโทษแม่เด็ก ปมแหกผมนักเรียน สพม.เผยเด็กไม่ได้ทำผิดกฎ นักเรียนหญิงไว้ผมสั้น-ยาวได้หมด
จากกรณีที่ น.ส.จิน (นามสมมติ) อายุ 33 ปี เจ้าของแพร้านอาหารแห่งหนึ่งที่หาดบ้านแก้งริมฝั่งแม่น้ำมูล ต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า น.ส.ออง (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ลูกสาวของตนเป็นนักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้ถูกครูชายฝ่ายปกครอง ใช้มีดกรรไกรแหกเส้นผมของลูกสาวหน้าเสาธง จนแหว่งไม่เป็นทรงผม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "หั่นผมนักเรียน"
- ขอยอมแพ้! แม่ให้ลูกสาวลาออก หลังร้องเรียนถูกครูหั่นผมกลับถูกโจมตีหนัก
- นักเรียนเสียความมั่นใจ ครูตัดผมแหว่ง ผอ.แจงทำตามระเบียบ
ต่อมาได้มีหลายฝ่ายออกมาหาทางช่วยเหลือ เพื่อยุติปัญหาของเรื่องนี้ ล่าสุดแม่ของเด็กนักเรียนยืนยันว่า ไม่ได้ยอมแพ้และให้ลูกสาวลาออกจากโรงเรียนแต่อย่างใด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. (8 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ชูชาติ แก้วนอก ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 (สพม.28) พร้อมด้วยนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นายสุพร ธีรโรจน์ชาลี นายอำเภอยางชุมน้อย ผอ.ร.ร.ที่เกิดเหตุ คณะกรรมการสถานศึกษา ครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อร่วมกันพูดคุยหารือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ร่วมกับผู้ปกครองของนักเรียน เพื่อให้ได้ข้อยุติร่วมกันและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
โดย ดร.ชูชาติ และคณะได้รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจากทั้ง 2 ฝ่าย คือฝ่ายของ รร.และฝ่ายผู้ปกครอง นร.ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และได้เจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย ให้ทราบว่าระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจตรงกัน และเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ
ดร.ชูชาติ แก้วนอก ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 (สพม.28) กล่าวว่า หลังจากที่ตนและคณะได้พูดคุยหารือร่วมกับคณะครูและผู้ปกครองของเด็ก นร.แล้ว เราได้ข้อสรุปตรงกันว่า ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมนักเรียน พ.ศ.2563 ซึ่งกำหนดให้นักเรียนชายและนักเรียนหญิง สามารถไว้ทรงผมสั้นหรือผมยาวก็ได้
ทั้งนี้ จากการกระทำของครูฝ่ายปกครองในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุไปนิดหน่อย ซึ่งครูก็ได้ออกมายอมรับผิดและขอโทษแม่ของเด็กแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนในการที่จะเอาไปใช้ในการทำงานต่อไป
อย่างไรก็ตามตนได้กำชับให้ทุกโรงเรียนไปแล้วว่า ต่อจากนี้ไปจะต้องไม่มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นเด็ดขาด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ทำไปแล้วมันไม่ใช่ผลดี ครูจะต้องมีวิธีการที่แยบยลมากกว่านี้ ต้องมีเทคนิคมีวิธีการเป็นครูยุคใหม่ ก็จะต้องใช้วิธีการที่นุ่มนวล ซึ่งเราทุกคนก็รู้ดีว่าอยากให้ลูกๆ นักเรียนอยู่ในระเบียบวินัย แต่วิธีแหกผมลักษณะแบบนี้ ยังเป็นวิธีการแบบเดิมๆ อยู่และจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้นแล้ว ทราบว่าเรื่องดังกล่าวน้องอองไม่ได้ทำผิดกฎอะไรของโรงเรียน ซึ่งถ้าเป็นกฎของโรงเรียนก็ต้องออกมาให้ไม่ขัดกับกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเรื่องของทรงผมที่ระบุว่า นักเรียนหญิงสามารถที่จะไว้ทรงผมสั้นหรือยาวได้ ซึ่งเรื่องนี้น้องอองก็ไม่ได้ทำผิดอะไร
อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับการลงโทษด้วยการทำให้อับอาย และระเบียบกระทรวงฯ ก็บอกไว้ชัดว่าการลงโทษนักเรียนทำได้ด้วยวิธีการใดบ้าง ตนคิดว่าเรื่องผมยาวหรือสั้นนี้เป็นเรื่องที่จะต้องถกเถียงกันยาว และไม่จบว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ยาวดีกว่าหรือสั้นดีกว่า แต่สุดท้ายสิ่งที่จะประคองสังคมไว้ได้คือกฎหมายซึ่งกฎหมายเมื่อออกมาแล้วไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ถูกใจแต่เมื่อออกมาเป็นกฎหมายแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม
ซึ่งในกรณีนี้กฎหมายก็ออกมาชัดเมื่อเดือนพ.ค.63 ว่าให้นักเรียนสามารถไว้ผมยาวหรือสั้นได้ เราในสังคมก็ต้องปฏิบัติตาม โรงเรียนเป็นสังคมจำลองที่ว่าจะต้องสอนให้เรารู้ถึงหน้าที่และเคารพสิทธิของตนเอง ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
ส่วนกรณีที่หลาย ๆ ฝ่ายตีความในเรื่องของระเบียบข้อกฎหมายของกระทรวงศึกษาธิการสับสน ไม่เข้าใจนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน กับกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้เกี่ยวกับนักเรียน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างชัดกับโรงเรียน ไม่ใช่กับเฉพาะโรงเรียนนี้โรงเรียนเดียว โรงเรียนทั่วประเทศก็จะได้ไม่เกิดความไม่เข้าใจหรือเข้าใจคลาดเคลื่อนกันในการตีความกันอีก
ทางด้าน น.ส.จิน แม่ของน้องอองกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะให้ลูกเรียนที่เดิม หรือย้ายโรงเรียน ต้องดูสังคมเพื่อนๆ ในโรงเรียนก่อนว่า ลูกสาวจะเรียนได้ไหม จะอยู่ต่อไหวไหม หากมีความกดดันมากๆ ก็อาจพิจารณาย้ายโรงเรียน แต่ปัจจุบันยังไม่คิดถึงจุดนั้น
ปัจจุบันยอมรับว่ามีความกดดันเยอะมาก ตนเกรงแต่ว่าน้องอองลูกสาวตนจะรับแรงกดดันไม่ไหว ส่วนในเรื่องของกำลังใจตอนนี้ค่อนข้างดีมาก มีคนให้คำแนะนำและให้กำลังใจมาก
ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นหลักๆ แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมครูทำเช่นนั้นกับลูกสาวตน ถ้ารู้เหตุผลตั้งแต่วันนั้นเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นแบบนี้ อีกทั้งในการเจรจาพูดคุยกันในครั้งนี้ ผอ.สพม.28 ได้แจ้งให้ตนทราบว่า หากลูกสาวของตนเรียนหนังสือที่ รร.เดิมนี้ไม่ได้ ก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือในการที่จะให้ลูกสาวของตนย้ายไปเรียนที่ รร.ใดก็ได้ในเขตพื้นที่สพม.28