เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 63 เวลา 11.45 น. ร.ต.อ.วีระศักดิ์ จันทร์สม รอง สว.สภ.โพทะเล จ.พิจิตร รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์กระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณสี่แยกชลประทาน หมู่ 10 ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มคว่ำอยู่กลางถนน ใกล้กันพบศพ ด.ญ.เกวลิน หรือ เฟรม อายุ 3 ขวบ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ สภาพของบาดแผล บริเวณศีรษะขมับข้างซ้ายหายไปเกือบเห็นกระโหลก เนื่องจากไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก ใบหน้ามีแผลแตก และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย หน้าอก และลำคอ
ส่วน น.ส.กชกร หรือ ฟาง อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ ด.ญ.เกวลิน และตั้งท้องได้ 5 เดือน สภาพของบาดแผลศีรษะแตก ใบหน้า เป็นแผลแตก ตาข้างซ้ายปิด เกิดจากการเขียวช้ำ ข้อมือทั้งสองข้างหัก นิ้วเกือบขาดเลือดไหลเป็นก้อน ซึ่งใส่หมวกกันน็อก เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เร่งนำตัวส่งรักษาที่ รพ.พิจิตร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา พร้อมลูกในท้อง
โดยคู่กรณีขับรถกระบะทราบชื่อคือ นายประยูร อายุ 63 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร นั้น
ล่าสุด วันที่ 13 ก.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดปากคลองไข่เน่า ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ 3 แม่ลูก โดยเมื่อวานนี้เป็นพิธีสวดพระอภิธรรมวันแรก และในวันนี้ เวลา 16.00 น. จัดพิธีฌาปนกิจศพ ของ ด.ญ.เกวลิน ในวันที่ 15 ก.ค. จะเป็นพิธีฌาปนกิจศพของ น.ส.กชกร อายุ 23 ปี ผู้เป็นแม่ เนื่องจากที่วัดมีเตาเผาเพียงเตาเดียว
นายนพดล หงษ์ทอง อายุ 21 ปี สามีของผู้ตาย และนางนุช จุ้ยวงษ์ อายุ 35 ปี น้าสาวของสามีผู้ตาย เปิดใจว่า เมื่อที่ 11 ก.ค. นางสาวฟาง ได้เดินทางไปพร้อมลูกสาว เพื่อไปเอาจักรยานเด็กที่บ้านของเพื่อน แต่ระหว่างที่เดินทางไป ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน เวลา 12.00 น. ญาติทราบเรื่องจึงเดินทางเช้าไปในพื้นที่ทันที และพบว่า ด.ญ.เกวลิน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแล้ว
ส่วนนางฟางยังคงมีลมหายใจอยู่ นายนพดลจึงขึ้นรถกู้ภัยไปด้วย เพื่อคอยให้กำลังใจนางสาวฟาง ซึ่งขณะนั้นนางสาวฟางยิ้มให้ กระดิกเท้า พร้อมกับชูสองนิ้วให้ นายนพดลจึงมีความหวังว่านางสาวฟางและลูกสาว อายุ 5 เดือนที่อยู่ในครรภ์อาจจะมีชีวิตรอด จนเวลาประมาณ 16.45 ทางแพทย์ได้แจ้งว่าเสียชีวิตแล้ว ครั้งสุดท้ายที่คุยกัน ผู้ตายมีท่าทางปกติดี และไม่มีลางบอกเหตุ
ทั้งนี้ เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว นายนพดลกับนางสาวฟางเพิ่งจะกลับมาอยู่ด้วยกัน และเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน นางสาวฟางได้เข้ามาขอขมาแม่ของนายนพดลเพื่อขออโหสิกรรม เกี่ยวกับสิ่งที่ทำไม่ดีไว้ ซึ่งทุกคนไม่มีใครคิดว่าจะมาเกิดเรื่องขึ้น ส่วนอีกศพที่อยู่ในครรภ์ หลังจากทำพิธีฌาปนกิจศพของ นางสาวฟางจะทำพิธีเผาศพจำลอง
ทั้งนี้ คู่กรณีเข้ามากล่าวขอโทษแล้ว และทางครอบครัวไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะทุกคนเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ส่วนเรื่องการรับผิดชอบ ทางพ่อแม่ของฝ่ายหญิงจะเป็นคนจัดการ เพราะตนยังทำใจไม่ได้ สุดท้ายนี้ หากภรรยาได้ยิน ตนอยากจะบอกว่ารักมาก และจะอยู่ในใจตลอดไป
นายวีระ พันต่วน อายุ 51 ปี พ่อของนางสาวกชกร ผู้ตาย เปิดใจว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตนทราบเรื่อง เวลา 18.30 น. ลูกเขยโทรมาบอกว่าลูกสาวเสียชีวิตพร้อมกับลูกในท้อง วินาทีนั้นความรู้สึกเกินคำบรรยาย ได้แต่รู้สึกตกใจและทำอะไรไม่ถูก ตนได้เจรจากับคู่กรณีแล้ว คิดว่าน่าจะจบลงด้วยดี เพราะตนไม่อยากเอาเรื่อง และอยากให้ลูกสาวกับหลายสาวไปสบาย โดยไม่มีอะไรติดค้าง
ครั้งสุดท้ายที่ตนคุยกับลูกสาว เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ตนโทรคุยกับลูกสาวว่าจะชักชวนมาอยู่กับตนที่ จ.พิษณุโลก เพราะตนได้จัดเตรียมห้องให้ลูกสาวกับหลานแล้ว หลังจากที่เผาลูกสาวเสร็จ ครอบครัวจะทำบุญ 7 วัน และจัดทำโรงศพเด็กเพื่อจำลองเผาศพลูกที่อยู่ในท้องของลูกสาว ซึ่งตนตั้งชื่อให้ว่า "บุญน้อย บังหลวง"
ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยกล่าวกับคนอยู่บ่อยครั้งทำนองพูดเล่นว่า "หากลูกสาวเป็นอะไรไป จะเอาลูกของตัวเองไปด้วย และจะไม่ทำตัวให้เป็นภาระของพ่อกับแม่" ซึ่งตนไม่เคยคิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ทั้งนี้ ตนไม่ได้คิดมากเรื่องการตายทั้งกลม และไม่คิดว่า ลูกสาวจะมาหลอกหลอนใคร เพราะลูกสาวเป็นคนที่ร่าเริง ใจดี และเป็นที่บริสุทธิ์ใจ ตนจึงเชื่อว่าลูกจะไปสู่ภพภูมิที่ดี ส่วนตัวยังรู้สึกว่าลูกสาวอยู่ใกล้ ๆ อยากบอกว่าตนจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ลูกหมดห่วง และขอให้ไปสู่สุคติ