ยังคงเดินหน้าเข้าพบกรมคุมประพฤติอย่างต่อเนื่อง สำหรับดีเจชื่อดัง "ภูมิ ภูมิใจ" หลังเจ้าตัว และพวกอีก 6 คนถูกทีมพญาเสือโคร่ง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เข้าแจ้งความข้อหากรณีตกปลาในเขตอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “ดีเจภูมิ” สุดปลื้มภาครัฐติดต่อให้ช่วยทำคอนเทนท์เพื่อสังคม
- เล่นตลก? "ดีเจภูมิ" โพสต์อาลัย "วิน ดีเซล" เสียชีวิต แค่โจ๊กอยากให้คนไทยอ่านเกิน 8 บรรทัด
- “ดีเจภูมิ” ช็อค!คำตัดสินแรงไป หลังตกปลาแค่ 2 ตัว แต่ถูกจำคุก 4 ปี ปรับอีก 4 หมื่น
ก่อนหน้านี้ บนอินสตาแกรมของดีเจภูมิ เจ้าตัวได้โพสต์ว่า มีโอกาสได้เดินทางกลับไปยัง จ.ชุมพร เพื่อถ่ายทำคลิปประชาสัมพันธ์ในเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณ 4-5 ชิ้น และอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาความเหมาะสมของทางกรมคุมประพฤติ เนื่องจากเดิมที่กรมคุมประพฤติเข้าใจว่า คำสั่งศาลคือให้ทำคลิปคนละ 2 คลิป รวม 6 คนก็จะเป็นทั้งหมด 12 คลิป แต่ด้วยทั้ง 6 คนที่โดนจับกุมแยกกันไปเข้าพบกรมคุมประพฤติคนละแห่งคือ จ.ชุมพร จ.นนทบุรี และเขตดุสิต กรุงเทพฯ ทำให้มีข้อสรุปที่ไม่เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ ดีเจภูมิ และพวก จึงมีการเข้าร่วมประชุมกับผู้อำนวยการกรมคุมประพฤติเพื่อหาความต้องการของกรมคุมประพฤติ และตนเองก็จะได้ดำเนินการจัดทำให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทันที ซึ่งผลจากการพิจารณาคำสั่งศาลอีกรอบปรากฏว่า ตนและพวกต้องร่วมกันทำคลิปทั้งหมดแค่ 2 คลิปคือ คลิปอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติ 1 คลิป และคลิปอนุรักษ์พร้อมประชาสัมพันธ์อีก 1 คลิป ซึ่งทุกคนก็ตกลงกันแล้วว่าทั้ง 2 คลิปนี้ ดีเจภูมิจะเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด โดยอีก 5 ท่านจะมาช่วยสนับสนุนในส่วนของกระบวนการถ่ายทำ
แต่ความสับสนยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะเจ้าตัวต้องกลับมานั่งเช็คกับเจ้าหน้าที่อีกรอบเกี่ยวกับเกณฑ์การประเมินของทางกรมคุมประพฤติที่ระบุในกฎหมายเกี่ยวกับกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ 36 ชั่วโมงภายใน 1 ปี ที่ว่า "ตามดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่" จึงไม่ชัดเจนว่าจะต้องทำกิจกรรมแบบไหนถึงจะเรียกว่าบำเพ็ญประโยชน์ที่ถูกหลักดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ เพราะบางสถานที่ก็บอกว่าสามารถไปบำเพ็ญประโยชน์เหมือนกันประชาชนทั่วไปได้ เช่น ทำความสะอาดวัด บริจาคเลือดหรือช่วยเหลือประชาชนได้ และบางที่ก็บอกว่าไม่ได้เพราะหากการกระทำผิดในรูปแบบไหนก็ต้องบำเพ็ญประโยชน์ในรูปแบบนั้น
อย่างไรก็ดี ดีเจภูมิ ทำได้แค่อยู่ในขั้นตอนของการสะสมชั่วโมงได้ 18 ชั่วโมงแล้ว ส่วนอีก 18 ชั่วโมงก็ยินดีที่จะช่วยกับทุกหน่วยงาน เพราะขณะนี้มีหลายที่เสนอแนวทางเข้ามาเยอะพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็ต้องกลับมาถามผู้ใหญ่ที่กรมคุมประพฤติอีกทีว่าสิ่งที่ตนทำไปสามารถนำมาหักลบชั่วโมงได้หรือเปล่า ซึ่งเจ้าตัวยังบอกอีกว่า หน่วยงานไหนที่อยากให้เข้าไปช่วย แม้จะไม่นับเป็นชั่วโมงในการบำเพ็ญประโยชน์ก็ยินดีช่วย
พร้อมกันนี้ เจ้าตัว ยอมรับว่า หลังจากที่ตนโดนจับกุม อุทยานฯ ก็เงียบเพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเลย แต่ในทางกลับกันก็ทำให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู เจริญเติบโตอีกครั้งและบอกว่าต่อไปจะทำอะไรแต่ละครั้งไม่ว่าจะตกปลา เดินป่าก็ต้องมองความเหมาะสม และเช็คให้ถี่ถ้วนว่าพื้นที่บริเวณนั้นถูกจดทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า พร้อมกับเป็นห่วงหลายๆ คนที่อาจตกเป็นผู้กระทำความผิดเช่นตนเพียงเพราะไม่รู้ จึงอยากร่วมพัฒนาแอพพลิเคชันที่สามารถเช็คว่าพื้นที่ไหนเป็นพิกัดที่ไม่สามารถเข้าไปตกปลาหรือเดินป่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ และยินดีที่จะร่วมสนับสนุนงบประมาณด้วย.
