กรณีแฟนเพจข่าวสารเมืองสมุทรปราการ โพสต์รูปภาพแผ่นหลังของนักเรียนรายหนึ่งมีบาดแผลจากการถูกลนด้วยไฟ พร้อมระบุข้อความว่า "น้าสาวร้องเพจ หลานชายถูกรุ่นพี่ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในสมุทรปราการรับน้องโหด นำหลอดพลาสติกจุดไฟ แล้วเอามาจี้ที่แผ่นหลัง" โดยหลานชายจะเข้าเรียน ปวช.ปี 1 สาขาช่างกลโรงงาน สมัครเข้าเรียนเพื่อหาความรู้ แต่เจอรับน้องแบบนี้เข้าไปหมดกันอนาคต
ล่าสุดวันที่ 19 ก.ค.63 ทีมข่าวเดินทางมาที่ บ้านพักแห่งหนึ่ง ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายเบนซ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย หลังเกิดเรื่อง ผู้เสียหายได้ออกไปทำงานส่งน้ำแข็งกับญาติที่ต่างจังหวัด ได้ประมาณ 3-4 วันแล้ว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายต้อง (นามสมมติ) อายุ 21 ปี พี่ชายของผู้เสียหาย เปิดใจว่า เมื่อวันก่อน แม่ของตนเรียกให้ตนมาดูแผ่นหลังของนายเบนซ์ เมื่อเปิดแผ่นหลังให้ดู พบว่าเป็นรอยแผลสด เนื้อหนังพอง ในตอนแรกตนเข้าใจว่าเป็นเทียน แต่พอตนทราบว่า เป็นหลอดพลาสติกลนไฟ ตนก็มองว่ารุนแรงเกินไป และไม่เคยได้ยินมาก่อน
จากการสอบถามน้องชายเล่าว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถูกรุ่นพี่นำหลอดพลาสติกไปลนไฟ และโดนอยู่คนเดียว เพราะตัวใหญ่สุด ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ที่รับน้องด้วยกันโดนแต่เทียนหยดใส่ แต่น้องชายไม่ยอมบอกว่า ใครเป็นคนทำ พยายามไปสอบถามเพื่อนที่เคยเรียนที่นี่ แต่ทุกคนยืนยันว่าไม่มีการรับน้องแบบนี้ อาจจะเป็นการรับน้องนอกระบบ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่า ไม่ใช่แนวทางที่ควรทำ เพราะรุนแรงไป หากรอบหน้าถูกกระทำอีก ตนก็อยากจะให้ลาออก ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าลาออกหรือยัง ต้องถามพ่อแม่ ก่อนหน้านี้น้องชายของเรียนที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในย่านปากน้ำ และไปเข้าระบบรับน้องเกือบทุกวัน แต่ช่วงหลังเริ่มหนักขึ้น อีกทั้งผลการเรียนของน้องชายยังต่ำกว่าเกณฑ์ จึงถูกไล่ออก น้องชายเลยเปลี่ยนไปเรียนที่อื่น
โดยน้องชายของตนเลือกที่จะเรียนที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ สถานที่เกิดเหตุ ส่วนตัวเคยได้ยินเรื่องการรับน้องมาก่อน เลยพยายามตักเตือน แต่น้องชายของตนไม่ยอมฟัง และให้เหตุผลว่า ที่นี่สบายสุด เพราะมีรุนพี่ที่รู้จักเรียนอยู่ ช่วงแรก ๆ ที่มีเรื่อง ตนสังเกตเห็นว่า มีนักเรียนต่างสถาบัน ขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่หน้าบ้าน เหมือนตามมารังควาน
แต่สภาพจิตใจของน้องชายปกติดีแล้ว โดยน้องชายเป็นคนดื้อ ส่วนตัวจึงอยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียน เพื่อที่จะให้น้องชายได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า หากเป็นคนที่ก่อเหตุก็ต้องแก้ไขเอง แต่หากคนอื่นมาหาเรื่องอีก ตนก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับพ่อและแม่ของผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า เมื่อเดือนที่แล้วลูกชายไปรับน้อง มักจะไปช่วงกลางคืน เวลา 22.00 น. และกลับบ้านดึกตลอด แต่พอช่วงโควิด-19 ก็หยุดไปช่วงหนึ่ง กระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เริ่มเปิดเทอม จึงเข้าไปรับน้องอีกครั้ง แต่ไปเรียนวันเว้นวัน
ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ และเท่าที่ตนทราบ มีเพียง 5-6 คน ที่ถูกกระทำ แต่ลูกชายโดนหลอดพลาสติกลนไฟจี้หลังเพียงคนเดียว เพราะลูกชายตัวใหญ่กว่าเพื่อน ส่วนคนอื่นถูกเทียนหยดใส่ และไม่มีใครอยากจะเอาเรื่อง เพราะต้องเรียนต่อที่สถาบันเดิม เนื่องจากช่วงแรก ๆ กลุ่มวัยรุ่นต่างสถาบันขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนแถวบ้าน และมีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกชายออกไปเติมลมจักรยานยนต์ แต่ถูกวัยรุ่นด่าทอใส่ ตนไม่รู้สึกโกรธแล้ว และกำลังทำใจอยู่ แต่หากมาหาเรื่องอีก ตนคงจะไม่ยอม โดยในวันพรุ่งนี้ ตนจะไปทำเรื่องลาออกที่โรงเรียน และอยากจะรอดูสถานการณ์ก่อน จึงไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โต
ขณะนี้ตนยังไม่ได้ติดต่อทางสถาบัน และยังไม่ได้เข้าแจ้งความ แต่หลังจากนี้ตนจะให้ลูกชายลาออก เพราะลูกชายไม่กล้าไปเรียนแล้ว ตนจึงให้ลูกชายหยุดเรียนไป 1 ปีก่อน เพื่อมาช่วยงานที่บ้าน โดยก่อนหน้านี้ตนจ่ายค่าเรียนไปแล้วประมาณ 10,000 บาท ค่าประกันอีก 50,000 บาท รวมแล้ว 15,000 บาท คาดว่าคงจะไม่ได้คืน