จากกรณี พ่อลูกแท็กซี่ได้เข้าร้องเรียนกับ ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ว่า เมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.00 น. ขณะกำลังขับรถแท็กซี่ไปรับลูกสาว ที่บริเวณพุทธมณฑลสาย 1 เกิดเหตุรถจักรยานยนต์ขับมาชนท้ายรถ ซึ่งคู่กรณีฝั่งรถจักรยานยนต์ ได้โทรศัพท์ตามเพื่อนมาประมาณ 20 คน มายังที่เกิดเหตุ ทำร้ายลูกสาวของคนขับแท็กซี่ อายุ 18 ปี และเข้ามาทุบรถแท็กซี่ จากนั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบางเสาธง จับกุมตัวผู้ต้องหา คือ นายธนากร ภิรมย์ หรือ "ดำ" และนายณัฐวุฒิ รำพึงกิจ หรือ "แฟรงค์" โดยมี นายปัณฑพล ประสารราชกิจ หรือ "โอม ค็อกเทล" พร้อมกับสมาชิกในวงค็อกเทล นักร้องชื่อดัง ให้ช่วยเหลือด้านทนายและการรักษาพยาบาลผู้เสียหายนั้น
ล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.61) น.ส.กชกร รอดหลัก หรือ "แก้ว" ผู้เสียหาย บอกว่า เมื่อ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจดวงตา ซึ่งแพทย์บอกว่า ดวงตายังหายไม่สนิท หากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันที ซึ่งขณะนี้ตนต้องหยอดน้ำตาเทียมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตาแห้งกว่าปกติ อีกทั้งเวลาอ่านหนังสือมักจะเกิดอาการปวดตา พร่ามัว ข้างที่ถูกทำร้ายอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.61) ทางพ่อแม่ของ นายดำ และ นายแฟรงค์ 2 ผู้ต้องหา ได้เข้ามาขอโทษตนและครอบครัว ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้ให้อภัยไป เพราะคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้อีก แต่สำหรับเรื่องคดีความต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนที่ "โอม ค็อกเทล" มาช่วยเหลือเรื่องทนาย และค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงคุณวัน อยู่บำรุง ช่วยดูแลความสะดวกเวลาที่จะไปศาล รวมถึง ลุงเอ๋ ที่มาช่วยเหลือตนก็ต้องขอบคุณทั้งสามท่านด้วย
ด้านนายกฤตภาส รอดหลัก พ่อน้องแก้ว กล่าวว่าภายหลังจากคุยกับทางพนักงานสอบสวนทราบว่า มีการฝากขังผู้ต้องหาไปทั้งหมด 4 ครั้ง และจะมีการฝากขังครั้งที่ 5 ในวันจันทร์ที่ 15 ม.ค.นี้ ใน 2 ข้อหาคือ การทำร้ายร่างกาย และการทำให้เสียทรัพย์ แต่หลังจากที่ได้ไปออกรายการต่างคนต่างคิด ตนได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมกับลงบันทึกประจำวันไว้ในส่วนของการคุกคาม และเกี่ยวกับการพกอาวุธปืน ซึ่งจะมีการส่งฟ้องกี่ข้อหา ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่า จะมีมากกว่า 2 ข้อหาเบื้องต้นหรือไม่
หลังจากนี้รอทางพนักงานสอบสวน เรียกอีกครั้ง ว่าจะมีการเข้าไปพบอีกเมื่อใด ที่ผ่านมาพ่อแม่ของผู้ต้องหาได้เข้าขอโทษตนและครอบครัวแล้ว เนื่องจากเป็นความต้องการของผู้ต้องหาเอง ซึ่งตนก็ให้อภัย แต่คดียังต้องดำเนินต่อไปเหมือนเดิม
นายกฤตภาส ยังได้กล่าวว่า ตอนนี้ทางตนและครอบครัว มีกำลังใจที่ดีมากขึ้น เนื่องจากมี "โอม ค็อกเทล" และวงค็อกเทลเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึง คุณวัน อยู่บำรุง และทางญาติๆ ซึ่งต้องขอบคุณเป็นอย่างมาก ตอนนี้ห่วงลูกสาวมากที่สุด เวลาที่จะไปเรียนหรือออกไปข้างนอก เพราะต้องเดินทางไปรับ-ส่ง เพราะยังห่วงความปลอดภัย รวมถึงดวงตายังกลับมาใช้งานยังไม่ปกติเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์
ด้าน น.ส.ธารทอง รอดหลัก พี่สาวน้องแก้ว เปิดเผยว่า ตอนนี้เป็นห่วงน้องที่ยังไม่หายดี และยังกลัวไม่กล้าที่จะออกไปไหนคนเดียว เพราะไม่คิดว่าแค่อุบัติเหตุจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หลังจากนี้ก็ต้องระวังมากขึ้น และต้องขอขอบคุณคุณโอม ค็อกเทล และทางวงค็อกเทล ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องทนาย พร้อมกับการให้กำลังใจตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง รวมถึงคุณวัน อยู่บำรุง และลุงเอ๋ที่เข้ามาช่วยเหลือเช่นกัน
ด้านนายปัณฑพล หรือ "โอม ค็อกเทล" ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การที่เข้าไปช่วยเหลือเพราะรู้สึกเป็นห่วง ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะตนพยายามเน้นในเรื่องของการช่วยเหลือ และชดเชยความเสียหายมากกว่า ส่วนประเด็นเรื่องการทำผิดให้ดำเนินไปตามกฎหมาย
เหตุการณ์วันเกิดเหตุตนทราบ เพราะรถเพิ่งออกมาได้เพียง 5 นาที แล้ว น.ส.กชกร อยู่ในกลุ่มแฟนเพลง ทางตนมีทนายความจึงให้ไปช่วยเหลือ ซึ่งคดีทำร้ายร่างกายเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่ไม่ใช่คดีที่มีความยากและซับซ้อน จากการพูดคุยกับ น.ส.กชกร ครั้งสุดท้าย เรื่องสุขภาพน้องก็ดีขึ้น ส่วนเรื่องคดีตนไม่ขอตอบ สำหรับเรื่องที่ช่วยคนตนไม่ได้ตั้งใจให้เป็นกระแส แค่รู้สึกว่าถ้าน้องมีอะไรลำบาก อยากให้บอก ตนเสนอเป็นคนช่วยเหลือเอง
นายปัณฑพล กล่าวอีกว่า น้องอยากได้ทนาย ตนจึงได้อธิบายในเรื่องของรูปคดี เพราะการอธิบายให้น้องฟังทำให้น้องรู้สึกลดทอนความเครียดลง นั้นจึงเป็นสิ่งที่ช่วยได้ดีที่สุด และไม่ได้มุ่งหมายให้ทุกคนจะต้องเอาชนะเรื่องคดี เพราะตนขอให้ทางคู่กรณีได้เยียวยาในสิ่งที่น้องได้รับ ในมุมของศิลปินระหว่างคอนเสิร์ตมีการทำร้ายร่างกาย ยอมรับว่า รู้สึกแย่ บางคนจะบอกว่าตนโลกสวย ตนก็ต้องฝันถึงโลกที่สวยกว่าเท่านั้นเอง ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้มีช่วยในลักษณะนี้บ้าง เพียงแต่ว่ารอบนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจค่อนข้างมาก เลยลามมาถึงตนด้วย