วันนี้ (10 ม.ค.61) นายนัฐพงศ์ ธนาพงศ์ อายุ 23 ปี พร้อม ร.ต.ท.ณรงค์ ธนาพงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพัทลุง หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณี ร.ต.ท.ณรงค์ ผู้เป็นพ่อ ขอโอนอาวุธปืน เป็นชื่อของนายนัฐพงศ์ ลูกชาย แต่ถูกเจ้าหน้าที่ของอำเภอเมืองพัทลุง เรียกเงินจำนวน 8,000 บาท
นายนัฐพงศ์ เล่าว่าเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2560 ร.ต.ท.ณรงค์ ผู้เป็นพ่อได้พาตนไป ที่ว่าการอำเภอเมืองพัทลุงเพื่อเขียนคำร้อง ขอโอนอาวุธปืนพกสั้น ชนิดกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ให้เป็นชื่อตน ในขณะเดียวกันพ่อได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ว่ากำลังทำเรื่องซื้อปืนโครงการสวัสดิการตำรวจอีก 1 กระบอก ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพ่อมีปืนชนิดเดียวกัน2 กระบอกไม่ได้ ทางนายทะเบียนจะไม่เซ็นใบคำขอใหม่ให้ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงแนะนำว่าพ่อต้องโอนปืนกระบอกที่มีอยู่แล้วเป็นชื่อบุคคลอื่นก่อน พ่อจึงได้โอนปืนกระบอกดังกล่าวให้เป็นชื่อตน
นายนัฐพงศ์ เล่าต่อว่า ในขณะที่ตนกำลังเขียนคำร้องอยู่นั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวพูดกับพ่อและตนว่า มันต้องมีค่าดูแลอำเภอหน่อยนะจำนวน 8,000 บาท ถ้าจ่ายเงินจำนวนนี้แล้ว ภายใน 7 วันมารับใบ ป.3(ใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน/รับโอนปืนจากบุคคลอื่น)ได้เลย แต่ถ้าหากไม่จ่ายก็ต้องรอคิวต่อไป ตนพยายามสอบถามว่ากี่วันจึงจะได้ใบ ป.3 เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่าไม่ เพราะคิวมันยาวคิวมันยาว ในขณะเดียวกันพ่อก็พยายามต่อรองราคา แต่เจ้าหน้าที่ยังตอบว่าถ้าไม่ได้ 8,000 บาท ก็ตั้งไว้ก่อน ตนก็ย้อนถามกลับไปอีกว่า ค่าอะไรครับของทางอำเภอที่ต้องดูแล ซึ่งตนไม่ได้คำตอบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจะเดินออกไป พร้อมขับรถออกไปจากที่ว่าการอำเภอ
หลังจากนั้น วันที่ 20-21 พฤศจิกายน 2560 ตนไปตามเรื่องอีกครั้ง เจ้าหน้าที่คนเดิมแจ้งว่า เอกกาสารของตนได้เสนอนายไป 2 ครั้ง แต่นายยังไม่เซ็นเนื่องจากตนยังไม่มีอาชีพ และไม่จ่ายค่าดูแลอำเภอด้วย ตนจึงได้สอบถามไปว่าการที่ไม่เซ็นอนุมัตินั้นมีเอกสารตอบรับเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร ตนจึงไม่รับเอกสารคืนล่า และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561 พ่อไปสอบถามอีกครั้งแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า พ่อจึงบอกว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรขอเอกสารทั้งหมดคืนมา
นายนัฐพงศ์ ยังบอกอีกกว่า ที่ตนเข้าร้องกับศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอความเป็นธรรม อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำกับประชาชนผู้เสียภาษี
ด้านนายกู้เกียรติ วงค์กระพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนนี้ได้ร่างหนังสือเน้นย้ำไปยังนายอำเภอเมืองพัทลุงแล้ว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แม้เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตามแต่ ไม่อยากให้เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้ง 11 อำเภอ หลังจากดูรายละเอียดของผู้ร้องว่ามีเอกสารหลักฐานอะไรบ้าง ก็จะเร่งให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบ ตั้งคณะกรรมการสอบในเบื้องต้นไปก่อน