จากประเด็นที่กำลังเป็นข่าวร้อนแรง เกี่ยวกับ
นายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต หรือ
ประธานบอย ที่กำลังเป็นข่าวกับคู่กรณีที่ได้ว่าจ้างให้หาทนายความให้ โดยที่งานไม่สำเร็จ และไม่ได้เงินคืน ทำให้ต้องสอบถามคนใกล้ชิด
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ
"มาร์ค พิทบูล" ผู้ที่สนิทสนมกับ ประธานบอย ได้พูดถึงความสัมพันธ์ว่า รู้จักกันเมื่อครั้งงานเสวนาร่วมกับ
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ,
นายเกรียงไกร ไทยอ่อน และ
นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หรือ"ปลัดก้อง" มือปราบข้าราชการขี้โกง
ก่อนรวมตัวกัน 5 คน ให้คำแนะนำการดำเนินคดี และข้อกฎหมาย กระทั่งมีคนทำภาพ 5 บุคคลขึ้นมา โดยมีข้อความระบุว่า
"ผู้ล่าความยุติธรรม" โดยภาพนี้มีมาเป็นปีแล้ว โดยตนมองว่า เป็นเรื่องที่ดี ทำให้ประชาชนบางคนกล้าที่จะต่อสู้ความไม่เป็นธรรม ซึ่งใจจริงอยากจะให้มีผู้ผดุงความยุติธรรมหลายๆ คนด้วยซ้ำ จึงมีผู้ทำภาพ"5 เสือ ผู้ตามล่าความยุติธรรม"ให้
นายณัชพล กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนกับประธานบอยรู้จักกันจริง มีการพูดคุยกัน จากข้อความที่ประธานบอย แทกในเฟซบุ๊ก จะเห็นว่า เป็นคนลุยๆ พูดจาโผงผาง และเท่าที่รู้ มีเคสที่ "ประธานบอย" ช่วยฟรีเยอะ เคยร่วมงานทางสังคมกัน เป็นคนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน มาร่วมกันช่วยเหลือสังคม และประชาชนที่เดือดร้อนเท่านั้น
ขอยืนยันว่า ภาพดังกล่าวไม่ได้สร้างผลกระทบให้ตน แต่กลับเป็นเรื่องดีที่ทำให้คนตื่นตัว และพร้อมที่จะปกป้องคนอ่อนแอ แต่ถ้าเอาภาพไปหลอกลวง ตนไม่ยอมแน่ๆ
ขณะที่ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า การที่ประธานบอย รับเงินค่าดำเนินการช่วยเหลือในการสู้คดี แต่สุดท้ายไม่ได้ทำตามที่พูดไว้ ทางมโนสำนึก ควรจะคืนเงินให้กับผู้เสียหาย ตามจรรยาบรรณของการทำงานช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน
ส่วนกรณีที่จะมีการร้องสภาทนายฯ ให้พิจารณายกเลิกรายชื่อทนายความที่มีส่วนร่วมกับ ประธานบอย นั้น ต้องดูว่า ทนายความเหล่านั้นมีส่วนร่วมแค่ไหน หากมีส่วนรู้เห็น ก็ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และถูกเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนเรื่องมรรยาททนาย เป็นหน้าที่ของ สภาทนายฯ ในการตั้ง คณะกรรมการสอบสวน ตามที่ผู้เสียหายร้องไป และหากประธานบอย ไม่มีทนายฯ ตั้งแต่แรก แต่ไปรับปากผู้เสียหายว่ามี ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง