วันที่ 26 ก.ค. 63 นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ออกคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดีที่ "บอส อยู่วิทยา" ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการพิจารณาสั่งสำนวนคดี โดยมีคำสั่งไม่ฟ้อง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นชอบแล้ว
เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏชัด อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติองค์การอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 19 ประกอบมาตรา 27 จึงแต่งตั้งคณะทำงาน ดำเนินการตรวจสอบว่าการพิจารณาสั่งสำนวนคดีดังกล่าว เป็นไปตามหลักกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และมีเหตุผลในการพิจารณาสั่งคดีอย่างไร โดยคณะทำงานมีองค์ประกอบด้วย
1. นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
2. นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นคณะทำงาน
3. นายชาติพงศ์ จีระพันธุ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นคณะทำงาน
4. นายปรเมศว์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี เป็นคณะทำงาน
5. นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นคณะทำงาน
6. นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นคณะทำงานและเลขานุการ
7. นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นคณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ
โดยเอกสารสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส พบว่าตัวแปรสำคัญที่ทำให้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด คือพยานสำคัญ 2 ปาก คนแรกเป็นนายพล อีกคนอักษรย่อ จ.
โดยในชั้นอัยการ ผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรม จนนำมาสู่การสอบพยานเพิ่ม 2 ปากให้การสอดคล้องกันว่า วันเกิดเหตุขับรถตามหลัง คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เห็น ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ขี่จักรยานยนต์ในช่องจราจรซ้ายสุด รถของนายบอสอยู่ช่องจราจรที่ 3 ซึ่งรถของนายบอสขับด้วยความเร็วประมาณ 50-60 กม. ต่อ ชม.
ขณะขับอยู่ รถของ ด.ต.วิเชียร เปลี่ยนช่องทางจราจรไปช่องจราจรที่ 3 กะทันหัน ทำให้รถของนายบอสไม่ทันตั้งตัวและพุ่งชนเข้า จึงทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายถูกตั้งข้อหาประมาทร่วมตั้งแต่แรก
โดยสังคมไม่เคยรู้ว่า ด.ต.วิเชียร ถูกตั้งข้อหาด้วย ซึ่งคำให้การของพยานเรื่องความเร็ว สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ให้การในชั้นสอบสวน ว่านายบอสใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม. ต่อ ชม.
ส่วนที่สังคมสงสัยว่าพยาน 2 คนนี้มาจากไหน ในเอกสารระบุว่า พยานทั้ง 2 คน ได้มาจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเห็นรถ 2 คันขับตามมาจริง จึงถูกนำมาสู่การเรียกเป็นพยาน ทำให้คดีพลิก จนอัยการสั่งไม่ฟ้องในที่สุด
สำหรับรถยนต์หรูของบอส Ferrari F12 ขับเคลื่อนสองล้อ อัตราเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 8.3 วินาที เกียร์ 7 เครื่องยนต์ 12 สูบ 6,262 ซีซี 740 แรงม้า 8,700 รอบต่อนาที ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความว่า "Ferrari F12 เป็นรถยนต์นั่งประเภทหรูหราสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กลางลำหน้า ขับเคลื่อนสองล้อ ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาลี มีเครื่องยนต์ขนาด 12 สูบ 6262 ซีซี แรงม้าได้ถึงใจ 740 แรงม้า รอบของการวิ่งอยู่ที่ 8700 รอบต่อนาที มีระบบเกียร์ 7 speed แบบ Dual-Clutch อัตราเร่งจาก 0 ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 8.3 วินาที"
อาจารย์อ๊อด ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า เป็นไม่ได้ที่นายบอสจะขับมาด้วยความเร็วไม่เกิน 79 กม. ต่อ ชม. เพราะสภาพรถคงไม่พังขนาดนั้น ถ้าขับด้วยความเร็วไม่เกินกำหนด นอกจากนี้รถที่นายบอสขับคือซุปเปอร์คาร์ เฟอร์รารี่ สามารถทำความเร็วจาก 0-200 ได้ภายใน 7 วินาที และสมรรถภาพในการเบรกดีเยี่ยม ถ้าขับรถมาด้วยความเร็ว 79.23 กม. ต่อ ชม. จริง ไม่มีทางที่จะเบรกไม่ทัน
ซึ่งหลักฐานพวกนี้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีความน่าเชื่อถือสูง แต่ตำรวจกลับไปเชื่อการให้ปากคำของพยาน 2 คน ที่เพิ่งจะถูกนำเขามาในคดี แทนที่จะเชื่อหลักฐานที่ได้จากการตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้ หลักฐานในที่เกิดเหตุบอกว่ามีรถกระบะขับตามผู้ตายมาจริงซึ่งทางตำรวจก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า 2 คนที่มาเป็นพยานเป็นเจ้าของรถจริงหรือไม่ ทางอัยการต้องรีบออกมาตอบคำถามของประชาชนให้ได้
Advertisement