พยานปากเอก “บอส” ตายแล้ว แม่ไม่รู้ช่วยหลุดคดี คู่กรณีปัดมีใบสั่ง ยันถูกชนท้าย (คลิป)

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 เวลาประมาณ 01.00 น. นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี หนึ่งในพยานสำคัญผู้พลิกคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง เสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุที่ จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ นายจารุชาติ เคยเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 62 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่พยานอีกคนคือ พล.อ.ท.จักกฤช ถนอม กุลบุตร ว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ และยืนยันว่านายวรยุทธ หรือ บอส ขับรถด้วยความเร็ว 50-60 กม./ชม. ไม่ใช่ขับรถเร็วอย่างที่เคยตกเป็นข่าวมาก่อน ทำให้คดีถูกสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ

โดยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์เป็นเหตุในท้องที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ราชนิเวศน์เมืองเชียงใหม่ ผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยเร่งทำการปั๊มหัวใจช่วย แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

โดยทางญาติได้รับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดพื้นที่ ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย ซึ่งบรรยากาศนั้นก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติพี่น้องเดินทางมารับศพ ทุกคนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคดีความมาก่อน

ทั้งนี้ รายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุ พันตำรวจเอกรณชัย รอดลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ราชนิเวศน์เมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพวงจรปิด ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าตัวผู้ตายและคู่กรณีใครผิดใครถูก จะต้องมีการสอบสวนคู่กรณีและตรวจสอบภาพวงจรปิดอย่างละเอียดอีกครั้ง

เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านคู่กรณี ที่ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับพยานปากสำคัญ หมู่ 1 บ้านช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่

นายเร็ว ตาวิโน อายุ 78 ปี พ่อของนายสมชาย ตาวิโน อายุ 50 ปี เปิดเผยว่า ลูกชายเคยทำงานก่อสร้าง แต่ปัจจุบันไม่ได้เข้าบ้านได้ 5-6 เดือนแล้ว ไม่รู้ว่าลูกชายไปพักอยู่ที่ไหน ตนติดต่อทางโทรศัพท์ลูกชายก็ไม่ได้ และตนก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าลูกชายไปประสบอุบัติเหตุ

ที่บ้านของผู้เสียชีวิต หมู่ 15 ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย ผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านช่วยจัดแจงเพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล นางตา วังมูล อายุ 76 ปี พร้อมนายสมาน วังมูล อายุ 65 ปี แม่และพ่อของนายจารุชาติจัดประกอบพิธีในช่วงหัวค่ำ

นางตา แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คน นายจารุชาติเป็นคนโต มีน้องสาวอีก 2 คน ทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ และบาเรนห์ ซึ่งปัจจุบันน้องสาวก็ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะติดโควิด-19 สำหรับนายจารุชาติเรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นก็ออกไปทำงานรับจ้างทั่วไปหลายจังหวัด ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ล่าสุด เดินทางกลับในช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ช่วงที่ผ่านมา ลูกชายไม่เคยบอกกล่าวว่าเกี่ยวข้องเป็นพยานให้กับคดีดังกล่าว

ล่าสุด นายสมชาย ตาวิโน คู่กรณี เดินทางเข้ามาให้ปากคำกับตำรวจ โดยนายสมชายมีร่องรอยถลอกที่ใบหน้า ให้การยืนยันว่าไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายจารุชาติ พยานปากสำคัญ โดยช่วงเกิดเหตุนายจารุชาติเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์มาชนตนเอง จนรถล้มลงไปทั้งคู่ และตนไม่เคยทราบมาก่อนว่านายจารุชาติเคยเป็นพยานให้กับดคีนายวรยุทธที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจว่า ในเรื่องคดีที่มีปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้ขอให้ใจเย็น ๆ ให้รอคณะกรรมการทั้ง 3 คณะ ซึ่งมีกำหนดเวลาในการพิจารณาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอัยการ ศาล หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องระบุความเป็นไปเป็นมา ข้อกฎหมายหลายตัว ซึ่งตนได้ตั้งคณะกรรมการไปแล้ว โดยได้ตั้งนายวิชามหาคุณ เป็นประธานกรรมการและมีคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายอยู่ด้วย

ซึ่งต้องไปดูขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร ย้อนกลับไปดูตั้งแต่ต้นอีกครั้งว่ามีปัญหาตรงไหนอย่างไร เพราะต้องไปแก้ในส่วนของระบบด้วย เพื่อให้เกิดความชอบธรรมให้มากที่สุด เพื่อให้ได้การยอมรับและความเชื่อมั่น ตนได้ย้ำกับตำรวจไปว่าตำรวจนั้นเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ในการทำคดีต่าง ๆ การทำสำนวนจะต้องรอบคอบระมัดระวัง เพื่อไม่ให้การกระทำความผิดต่าง ๆ นั้น ได้รับการละเว้น ซึ่งมีหลายกลไกด้วยกัน

สำหรับคดีของนายวรยุทธ เมื่อพยานปากสำคัญเสียชีวิตแล้ว จะมีผลกับคดีอย่างไรนั้น นายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ.กฎหมาย ระบุว่า "ห่วงสถานการณ์คดี ต้องประสานตำรวจคุ้มครอง พล.อ.ท.จักรกฤช พยานสำคัญอีกคน"

ส่วนนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะทำงาน รัฐบาล ระบุว่า "ไม่มีผลทางคดี แต่พยานตายแบบนี้ คนจะขุดคุ้ยต่อไม่ได้แล้ว"

ทางด้านอัยการ ระบุว่า ไม่มีผลทางคดี เพราะตอนนี้เป็นการสู้กันทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การพิสูจน์เรื่องความเร็ว

พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ประธานคณะทำงานตำรวจ ระบุว่า "ไม่มีผลทางคดี คณะทำงานเน้นสืบหาพยานที่เป็นตำรวจ จารุชาติเป็นแค่หนึ่งในคนที่อาจต้องเรียกมาสอบ"

ขณะที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตำรวจเพื่อพิจารณาคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ว่าในส่วนของตำรวจตนเองไม่ได้ให้แนวทาง แต่เป็นหน้าที่ของประธานคณะกรรมตำรวจที่ได้รับมอบหมาย ส่วนสังคมตั้งคำถามก็ขอให้รอผลสรุปของคณะกรรมการ เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ยืนยันมีการแบ่งงานชัดเจน ซึ่งส่วนตัวไม่เคยเห็นและไม่เคยเซ็นสำนวนคดีมาก่อน เพราะได้มีการมอบหมายให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดูแลในแต่ละประเภทคดี และมีคำสั่งได้โดยไม่ต้องรายงานมาที่ตนเอง ตอนนี้ส่วนไม่ได้ดูรายละเอียดในสำนวนเช่นกัน และยืนยันว่าส่วนตัวไม่รู้จักและสนิทสนมหรือรู้จักใครมาก่อน