กรณีพนักงานสอบสวนสภ.ท่ามะกา รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทมีชายถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักที่เปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ ต.ดอนชะเอม อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพนายสว่าง เจริญมาก อายุ 43 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีแดง สวมกางเกงยีนส์ นอนจมกองเลือด มีบาดแผลถูกกระสุนปืนยิง กระสุนเข้าบริเวณหน้าอกขวา ชายโครงซ้าย และข้อมือทั้ง 2 ข้าง จำนวน 6 นัด เสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 31 ก.ค.63 ทีมข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีห้องด้านข้างเปิดโต๊ะสนุกเกอร์ ข้างโต๊ะสนุกเกอร์มีเลือดที่ติดอยู่บริเวณพรหม บนพื้นห้อง
สอบถาม น.ส.พัชรี รุ่งเรือง อายุ 30 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 เวลา 20.00 น. สามีเล่นสนุกเกอร์อยู่กับเพื่อน ๆ รวม 10 คน โดยตนได้ขับเก่งออกจากบ้านพร้อมลูกชายวัย 13 ปี เพื่อพาลูกชายวัย 1 ขวบ 4 เดือนไปหาหมอที่คลินิก ซึ่งเพิ่งขับรถออกจากบ้านได้ประมาณ 50 เมตร ก็ได้ยินเสียงปืนไม่ต่ำกว่า 3 นัดดังมาจากบ้านตน
ทั้งนี้ตนจึงรีบขับรถกลับมาที่บ้าน แล้วรีบเข้าไปดูที่ห้องสนุกเกอร์ พบว่าสามีนอนคว่ำจมกองเลือดอยู่ที่พื้น มีแผลถูกยิงที่แขนและร่างกาย ไม่มีสติแล้ว จึงรีบเรียกรถพยาบาลเข้ามาที่เกิดเหตุ แต่สามีเสียชีวิตในที่สุด
โดยตนไม่ทราบเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุ เพราะอยู่นอกบ้าน เมื่อกลับมาถึงพบว่าเพื่อน ๆ ของสามีวิ่งหนีกระเจิงไปแล้ว แต่มั่นใจว่าผู้ก่อเหตุ เป็นเพื่อนรุ่นน้องของสามี ซึ่งบ้านอยู่ห่างกันแค่ 100 เมตร เพราะก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนขับรถออกจากบ้าน เห็นชายรายนี้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาที่บ้าน ตนจึงถามว่า “ไปไหนพี่” อีกฝ่ายถามตนกลับว่า สามีอยู่ไหม ตนตอบกลับว่าอยู่ เข้าไปได้เลย จากนั้นตนก็ขับรถออกมาและได้ยินเสียงปืน
ส่วนปมเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากก่อนหน้านี้สามีสั่งพรมปูพื้นทางออนไลน์ ซึ่งรอบแรกวันที่ 22 ก.ค.63 ตนเป็นคนกดสั่งให้ และใส่เบอร์โทรตัวเองไป แต่ของมาส่งในวันที่ 27 ก.ค.63 ปรากฏว่าผู้ส่งลงเบอร์โทรศัพท์เป็นของนางกบ ภรรยาของเพื่อนรุนน้องสามี พนักงานส่งของจึงโทรไปหานางกบ บอกว่า ของกำลังเข้ามาส่ง นางกบจึงโทรศัพท์มาหาตน และมีการถกเถียงกันว่าใช้เบอร์ตัวเองส่งของ ตนก็ยืนยันว่าไม่ได้ให้เบอร์ไป แต่บริษัทที่สั่งของใส่เบอร์ผิดเอง
กระทั่งเรื่องจบไป ตนจึงส่งของใหม่เพราะได้มาไม่ครบ โดยได้บอกทางบริษัทว่าใช้เบอร์ผิด ให้แก้เป็นเบอร์ตัวเอง ซึ่งของรอบที่ 2 มาส่งเมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 ช่วงเย็น แต่ยังใช้เบอร์เดิม นางกบจึงโทรมาหาตนอีกครั้ง ว่าบริษัทส่งของโทรมาอีกแล้ว ตนก็แคปข้อความที่คุยกับบริษัทไปให้ดูว่าบอกให้เปลี่ยนแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนจนเรื่องจบไป ซึ่งการถกเถียงทั้ง 2 ครั้งเป็นการพูดคุยกันระหว่างตนกับภรรยาผู้ก่อเหตุ ตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
โดยสินค้าที่สั่งก็เป็นพรมเช็ดเท้า ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย และยืนยันว่าไม่รู้บริษัทเอาเบอร์ภรรยาผู้ก่อเหตุมาใช้ได้อย่างไร ทั้งที่ตัวเลขไม่ได้ใกล้กัน ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว หรือปัญหาความหึงหวงแต่อย่างใด ที่ผ่านมาสามีกับผู้ก่อเหตุนับถือกันเป็นพี่น้อง สามีตนเลี้ยงไก่ชนขาย อีกฝ่ายก็อยู่ในวงการไก่ชน ซึ่งก็พูดคุยกันปกติไม่เคยมีปัญหากันแต่อย่างใด
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.เกวลิน เชาว์ไว อายุ 39 ปี ภรรยาผู้ต้องหา กล่าวว่า ปมปัญหาเกิดขึ้นเรื่องการสั่งของจริง โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ค.63 ช่วงเช้ามีข้อความส่งมาที่เบอร์โทรศัพท์ตน ระบุว่า พัสดุกำลังมาส่ง ซึ่งตนก็แปลกใจ จึงโทรศัพท์ไปสอบถามบริษัทที่ส่งของ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า พัสดุเป็นชื่อนายสว่าง บ้านเลขที่ 7/2 อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งไม่ใช่บ้านตน ตนจึงโทรศัพท์ไปถามแม่ที่อยู่ที่กาญจนบุรี เพราะตนอาศัยอยู่กรุงเทพฯ แม่ตนบอกว่า น่าจะเป็นนายสว่าง สามีของน.ส.พัชรี ซึ่งเป็นญาติของตน ตนจึงโทรศัพท์ไปสอบถามน.ส.พัชรี อีกฝ่ายอ้างว่าบริษัทน่าจะลงเบอร์ผิด ตนจึงบอกให้ไปแก้เบอร์โทรศัพท์ให้ถูกด้วย แต่สามีตนก็โทรไปถามนายสว่าง และแม่ตนก็สอบถาม จนอาจจะทำให้น.ส.พัชรี ไม่พอใจลักษณะเหมือนตนฟ้องคนอื่น แต่เรื่องก็จบไป
กระทั่งวันที่ 30 ก.ค.63 มีข้อความส่งพัสดุมาหาตนอีกครั้ง และมีเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าของกำลังมาส่ง ชื่อและบ้านเลขที่ของนายสว่างเหมือนเดิม ตนจึงถามน.ส.พัชรี อีกรอบว่า ทำไมยังไม่เปลี่ยนเบอร์ อีกฝ่ายก็แคปข้อความไลน์ที่คุยกับเจ้าหน้าที่ส่งพัสดุมาให้ตนดูว่า บอกไปแล้วว่า เบอร์ผิด แต่ไม่มีการแก้เป็นเบอร์ของตัวเอง จนเวลาประมาณ 17.30 น. น.ส.พัชรี โทรศัพท์มาหาตน พร้อมทั้งด่าในทำนองว่า แค่เรื่องเบอร์โทรศัพท์ตนทำเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตนก็ถกเถียงไปว่าทำไมไม่ใส่เบอร์ของตัวเอง ก่อนจะวางสายไป
คาดว่าหลังจากนั้น น.ส.พัชรี น่าจะไปบีบแตรรถใส่ที่หน้าบ้านแม่ตน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านตัวเอง โดยขณะนั้นมีแม่กับสามีตนอยู่บ้าน จนกระทั่งเวลา 19.00 น. สามีโทรศัพท์มาหาตน บอกว่า รถของบ้านนายสว่างขับผ่านมาบีบแตรยาวที่หน้าบ้าน แต่ตอนนั้นเจ้าตัวยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนขับ ซึ่งสามีก็มีท่าทีโมโหเล็กน้อย ตนก็บอกให้ใจเย็น กระทั่งวางสายไป ทราบว่าสามี โทรไปถามนายสว่างว่าใครเป็นคนขับรถ และทราบว่าเป็น น.ส.พัชรี ภรรยานายสว่างเป็นคนขับ ซึ่งสามีน่าจะโมโหจนไปก่อเหตุชักปืนยิงนายสว่าง ผู้เป็นสามีของ น.ส.พัชรี เพราะไม่อยากทำร้ายผู้หญิง
ทั้งนี้เรื่องเบอร์โทรศัพท์ ตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะปัจจุบันมีข่าวเกี่ยวกับการใช้ชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์คนอื่นรับส่งพัสดุเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งครอบครัวของนายสว่างก็พัวพันเรื่องยาเสพติด ตนก็เลยกลัวว่าจะใช้เบอร์โทรศัพท์ตนบังหน้าในการสั่งของผิดกฎหมาย ซึ่งการที่อีกฝ่ายอ้างว่าผิดมาจากบริษัทเจ้าของสินค้า ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องมีคนให้เบอร์โทรตนไปแน่นอน
