จากกรณี สภ.บางปะอิน รับแจ้งเหตุคนร้ายวิ่งราวทรัพย์คนร้ายได้สร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น มูลค่า 57,000 บาท ผู้เสียหายคือ น.ส.นภาเพ็ญ ชูศรียิ่ง อายุ 27 ปี เหตุเกิดภายในร้านขายของชำหมู่บ้านรณชัย 9 หมู่ 4 ต.คลองจิก อ.บางปะอินจ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งคนร้ายทำทีเข้ามาซื้อของ เมื่อผู้เสียหายเผลอได้กระชากทองและขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ มุ่งหน้าออกถนนสายเอเชียทันที
ล่าสุดวันที่ 11 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาที่ร้านขายของชำหมู่บ้านรณชัย 9 หมู่ 4 ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา น.ส.นภาเพ็ญ ชูศรียิ่ง อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของชำ เล่าว่า วันที่ 9 ส.ค. 63 เวลาประมาณ 15.30 น. ตนเองเฝ้าร้านอยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมิดชิดใส่หน้ากากอนามัยสีขาว กางเกงขายาว เสื้อยีนส์แขนยาว รองเท้าผ้าใบ
สวมหมวกกันน็อกเต็มใบขับรถมาจอดที่หน้าร้าน และมาถามทางตนว่าทางไปนิคมไปทางไหน ตนจึงถามว่า "ไปนิคมอะไร ใกล้ ๆ มีบางปะอิน กับไฮเทค" ชายดังกล่าวจึงบอกว่าไปบางปะอิน ตนจึงบอกทางให้
จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ และบอกตนว่าขอซื้อน้ำอัดลมใส่ถุง และซื้อบุหรี่ ตนไม่เอะใจ ก็ไปหยิบน้ำมาเทใส่ถุงให้ ซึ่งคนร้ายอาศัยวินาทีที่ตนเผลอ กระชากสร้อยคอที่ตนเองใส่และวิ่งขึ้นรถที่ไม่ได้ดับเครื่องไปทันที ตนเองได้วิ่งตามไปตั้งใจจะทำให้รถล้ม แต่รถไปล้มรถจึงลากตนไปตามคลิป ซึ่งตนรู้สึกเจ็บ ตนจึงปล่อยไป แต่ก็ได้วิ่งตามไปร้องเรียกให้คนช่วย วันดังกล่าวคนกลับเงียบไม่ค่อยอยู่บ้านกัน จึงไม่ได้มีใครออกมา
โดยทองคำที่ตนใส่เป็นทองคำมูลค่า 2 บาท ราคาที่ซื้อมารวม 50,000 บาท ซึ่งซื้อมาช่วงก่อนปีใหม่ และก็ใส่มาตลอดไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น แต่หลังเกิดเหตุตนก็รู้สึกระแวงและคงไม่ใส่ทองอีกแล้ว ต่อให้นั่งอยู่ที่ร้านเฉย ๆ ก็ไม่ใส่ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย ซึ่งตนก็อยากฝากเตือนภัยที่คนชอบใส่ทองให้ระมัดระวัง เก็บในที่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าใครบ้างที่ไม่หวังดี
สำหรับตนเองคิดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะตกงาน มีกระเป๋าเป้อยู่ที่รถ 1 ใบ คล้ายเหมือนคนกำลังจะกลับบ้าน
นางอุดม สีชู อายุ 48 ปี แม่ค้าที่นั่งขายของอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงเวลานั้น ตนเองกำลังมาขายของ ได้ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดแถวหน้าร้านของนางสาวนภาเพ็ญ ตนก็เดินไปร้านของตนที่อยู่ข้างร้าน ตอนนั้นเห็นชายเข้ามาซื้อของปกติ และสักพักก็เห็นชายคนนั้นวิ่งขึ้นรถมอเตอร์ไซค์และขับออกไปทันที ตอนแรกตนตกใจมากคิดว่าชายดังกล่าวขโมยรถมอเตอร์ไซค์ของตนที่จอดตรงนั้นไป เพราะรถมอเตอร์ไซค์ของคนร้ายสีน้ำเงินเช่นเดียวกับรถตน ตนจึงตกใจไว้ก่อน แต่ก็แปลกใจที่เห็นนางสาวนภาเพ็ญกระโดดเกาะที่ท้ายรถ ตนก็ร้องตะโกนตามไปและจะวิ่งตามเหมือนกัน จากนั้นนางสาวนภาเพ็ญเดินกลับมา ตนจึงรู้ว่าคนร้ายเข้ามากระชากสร้อยทองของนภาเพ็ญไป ตนตนตกใจมากเหมือนกัน เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
สำหรับตนเองตนก็เคยใส่ทองมูลค่า 3 บาท มานั่งขายของเมื่อเดือนที่แล้ว แต่มีคนเตือนว่านั่งขายของริมถนนแล้วใส่ทองแบบนี้ ระวังจะเกิดอันตรายได้ ตนจึงถอดเก็บไว้ที่บ้าน ส่วนเหตุการณ์นี้ตนคิดว่าส่วนหนึ่งอาจจะเพราะทองคำมีมูลค่าสูงขึ้น จึงอาจจะเป็นแรงจูงใจให้คนร้ายก่อเหตุ
