จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ห้วยขวาง ได้นำตัว นายตรูจิตต์ ใจนักรบ อายุ 61 ปี ชายตามภาพที่มีหญิงสาวโพสต์เตือนภัย เข้ามาสอบปากคำ และให้ "น้องปูเป้" ผู้เสียหาย ชี้ตัวผู้ต้องหา โดยผู้เสียหายทำการชี้ตัว 2 ครั้ง ปรากฎว่า ผู้เสียหายชี้ตัวถูกทั้ง 2 ครั้ง
พ.ต.ต.ภาคิน ไกรกิตติชาญ สารวัตรสอบสวน สน.ห้วยขวาง ผู้ที่ลงไปดำเนินการจับกุมตัวคนร้าย เปิดเผยว่า ผู้ต้องหา เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ห้างสรรพสินค้า บริเวณที่เกิดเหตุ แต่ลาออกได้ 2 เดือนแล้ว หลังจากนั้นไปทำงานเป็น รปภ. ที่อพาร์ทเม้นท์ ย่านห้วยขวาง จึงได้ไล่ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด จนสืบทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ห้องเช่าภายใน ซ.ประชาสงเคราะห์ 24
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่า ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะเวลาเดินไปบริเวณที่มีคนจำนวนมาก ตนระแวงว่าจะถูกทำร้าย จึงใช้ไขควงอันเล็กๆ ห่อด้วยผ้าขนหนู คอยแทงคนที่เดินมาใกล้ตัว จากการตรวจสอบประวัติ ไม่พบประวัติการรักษาอาการป่วยทางจิต และได้ทำการตรวจสารเสพติดในร่างกาย ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด จึงได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.แป้ง (นามสมมติ) พยานที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า วันเกิดเหตุ ตนกำลังเดินเลือกซื้อกับข้าว แล้วเดินตามหลังผู้ชายคนดังกล่าวมา พอตนเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง แล้วหันกลับไปมอง ก็เห็นน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกชายคนนั้นเอามือที่กำผ้าอยู่ในมือแทงเข้าไปที่ต้นขาอย่างแรง แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โวยวายอะไร หลังจากนั้นเห็น "น้องปูเป้" เดินมาคนเดียว แล้วเดินสวนกับผู้ชายคนดังกล่าว และถูกเหวี่ยงแขนเข้าไปที่ต้นขา
อย่างไรก็ตาม ตนได้เดินไปบอก วินจักรยานยนต์รับจ้างแถวนั้นว่า มีลุงโรคจิตชอบทำร้ายคนอื่น และไปเตือนเพื่อนที่ทำงานให้ระวังตัว จนกระทั่งมีเพื่อนส่งรูปมาให้ดูว่า มีคนโพสต์ในเฟซบุ๊ก จึงทักไปหาและถามอาการ พร้อมทั้งเดินทางมาเป็นพยานให้น้องผู้เสียหาย
ตอนแรกที่ตนคิดว่า ชายคนนี้คงจะเป็นพวกโรคจิต เพราะเห็นว่า ชอบเหวี่ยงแขนไปที่ต้นขาใกล้อวัยวะเพศผู้หญิง แต่ถายหลังมาทราบว่า มีผู้เสียหายผู้ชาย ที่โดนทำร้ายเหมือนกัน
คุณเบน (สงวนชื่อ-นามสกุล) ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า วันที่ 19 ม.ค. เวลาประมาณ 16.40 น. ตนกำลังจะไปกินข้าว เดินสวนกับชายคนนี้ เห็นว่ามือซ้ายมีผ้าสีฟ้ากำอยู่ในมือ และเหวี่ยงเข้ามาที่ต้นขา แต่ว่าตนพลิกตัวหลบได้ทัน จึงทำให้ไปโดนโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง จึงไม่มีบาดแผลอะไร พอโดนชน จึงหันกลับไปพูดเสียงดังว่า "โรคจิตหรอ" แต่ชายคนดังกล่าวกลับเดินไป โดยไม่สนใจอะไร ตนคิดว่าคงเป็นคนโรคจิต จึงด่าว่า "ไอแก่ตัณหากลับ" เพราะเห็นว่าจะเหวี่ยงมือเข้าไปที่เป้ากางเกงอย่างเดียว ขณะเดียวกันรู้สึกอุ่นใจที่ ตำรวจสามารถจับกุมตัวชายรายนี้ได้แล้ว
หลังจากพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ได้นำตัว นายตรูจิตต์ ผู้ต้องหามาสอบปากคำ นานกว่า 2 ชั่วโมง จากการสอบถามพนักงานสอบสวนทราบว่า วันนี้ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ และได้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเป็นการไปเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา และยังไม่มีหมายจับ
หลังจากนี้จะออกหมายเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม หากไม่มาจะออกหมายจับ และต้องรอใบรับรองแพทย์ว่า ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ เพื่อจะได้เพิ่มโทษต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธไม่ได้ทำร้ายใคร ผู้เสียหายเดินมาชนเอง อีกทั้งจะพกไขควงเฉพาะเวลาไปทำงาน และกลับจากทำงาน เพราะเคยเดินในที่คนเยอะๆ แล้วโดนทำร้าย
หลังจากผู้ต้องหาสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราว ชายผู้ต้องหาเดินออกมาจากห้องสอบสวนนั้น แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ และเดินหนีออกจากโรงพัก พร้อมตอบทีมข่าว ด้วยท่าทีหงุดหงิด และร้อนรนว่า "ผมอายุ 61 ปีแล้ว ขอร้องเหอะ ไม่รับสารภาพ ไม่ได้ทำ จะมาเอาอะไรกับผม คุณบ้าหรือเปล่า นักข่าวเมายาบ้ามาหรือเปล่า" แล้วเดินหนีไป
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางมายัง ซ.ประชาสงเคราะห์ 24 ได้พบกับ นายตรูจิตต์ ได้เปิดเผยว่า ไม่รู้จักกับนักศึกษาทั้ง 2 คน และไม่มีอาวุธไปทำร้ายใคร พร้อมบอกด้วยว่า "ถ้าผมทำผิดจริง ตำรวจจะปล่อยผมออกมาทำไม"
เมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) ตนพบกับชาย และหญิงสองคน ฝ่ายชายทำท่าจะพุ่งมาทำร้ายตน จึงหันไปถามว่า "มีอะไร" ฝ่ายชายถามว่า "ในมือตนถืออะไร" ตนก็บอกว่า "ถือผ้าเช็ดน้ำมูก" พร้อมคลี่ให้ดูว่าไม่มีอาวุธ ตนอยากจะชี้แจงกับสังคมว่า ถ้าตนมีมีดจริง มีดต้องโผล่ออกมา ส่วนที่บอกว่า มีหลายคนโดนทำร้าย ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ใครบ้างที่เป็นผู้เสียหาย
นายตรูจิตต์ ยอมรับว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปี ตนโดนรังแก และโดนทำร้ายมาโดยตลอด แต่ไม่ทราบสาเหตุ ภาพที่แชร์ในโซเชียลตนยังไม่เห็น เพราะเล่นสื่อออนไลน์ไม่เป็น อีกทั้งเพื่อน รปภ.ด้วยกันก็ยังไม่มีใครถามตนในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน นายตรูจิตต์ ยังเปิดกระเป๋าของตนให้ทีมข่าวดู พร้อมบอกว่า ตนมีมีดปอกผลไม้ในกระเป๋า เอาไว้หั่นผักปอกผลไม้กิน มีขนาดยาวประมาณข้อแขน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไป พร้อมยืนยันว่า อาวุธที่พกไว้ไม่สามารถจะซ่อนไว้ในมือแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าคลุมไว้ได้ และไม่ได้พกไว้ทำร้ายใคร อีกทั้งถ้าตนใช้มีดไว้แทงคนจริง ป่านนี้คงตายกันไปแล้ว ทีมข่าวสังเกตพบว่า ในกระเป๋าของ นายตรูจิตต์ ยังพบกรรไกร และสเปรย์หลากหลายยี่ห้ออีกด้วย