สัสดีจังหวัดชลบุรีโร่ขอโทษครอบครัว "ตัญกาญจน์" ด้านพี่สาวน้องเมยเผยได้หลักฐานใหม่เอาผิดทหารบางนาย ที่เชื่อว่าเป็นคนเปลี่ยนแปลงข้อมูลจนทำให้ไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ เตรียมร้องขอความเป็นธรรม กมธ. สภาฯ
จากกรณีน้องเมย ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตปริศนาเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 60 หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วันและคดียังคงไม่กระจ่าง แต่ล่าสุดพี่สาวของน้องเมยได้โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นภาพเอกสารแจ้ง จากสัสดี อ.เมืองชลบุรี ระบุว่าน้องเมย ไม่มาแสดงตนเพื่อขอรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร ประจำปี 2563
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทบ.ขอโทษครอบครัว "น้องเมย" แจงระบบทหารไม่เชื่อมทะเบียนราษฎร
- ครอบครัวงง!? หมายเรียก 'น้องเมย' ไปชี้แจงสาเหตุหลีกเลี่ยงไม่ไปเกณฑ์ทหาร
- คดี "น้องเมย" ไม่คืบ ผลชันสูตร 2 สถาบันต่างกัน รอแพทย์สภาฯ หาผู้เชี่ยวชาญ ฟันธงสาเหตุตาย
- ไม่เชื่อ "น้องเมย" หัวใจวาย! อดีตครู ยัน เป็นคนแข็งแรง ชี้ อาจเครียด ถูกเพื่อนซี้ มาเป็นหัวหน้า (คลิป)
- พ่อนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ ปัดลูกชายสั่งซ่อม "น้องเมย" ขอโทษสังคมเขียนวลีเด็ด ไม่มีเจตนาให้ร้ายครอบครัวคนตาย (คลิป)
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ส.ค. 63 ครอบครัวตัญกาญจน์ ประกอบด้วย นายพิเชษฐ์-นางสุกัลยา และน.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อแม่และพี่สาวของน้องเมย ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีการได้รับหนังสือเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารของ "น้องเมย" และกระแสข่าวลือเรื่องเงินเยียวยา 10 ล้านบาท ที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย น.ส.สุพิชา เผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สัสดีจังหวัดชลบุรี และสัสดีอำเภอเมืองชลบุรี ได้เข้าแสดงความเสียใจต่อครอบครัว พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะตอกย้ำปมการเสียชีวิตของน้องชาย แต่น่าจะเกิดจากความผิดพลาดทางข้อมูลระหว่างอำเภอต่ออำเภอ อีกทั้งระบบข้อมูลของพลเรือนกับระบบของทหารยังไม่เชื่อมต่อกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวถือเป็นเรื่องตลกร้าย และเชื่อว่าสัสดีจังหวัดและสัสดีอำเภอไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น แต่น่าจะเกิดจากความล้าหลังในการจัดเก็บข้อมูลของหน่วยงานทหาร วันนี้จึงอยากเสนอต่อทางกองทัพให้พิจารณาเรื่องของการจัดสรรงบประมาณว่า น่าจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบข้อมูลและเทคโนโลยีสาระสนเทศ มากกว่าการนำไปจัดซื้อยุทโธปกรณ์
ส่วนความคืบหน้าในการทวงถามความเป็นธรรมให้กับการเสียชีวิตของน้องชายนั้น น.ส.สุพิชา เผยว่า ที่ผ่านมาการยื่นฟ้องหรือการแจ้งความดำเนินคดีต่าง ๆ ที่ทางครอบครัวทำมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถึงวันนี้ยังคงเงียบหาย โดยเฉพาะเรื่องของผลชันสูตรที่ยังอยู่ในชั้นอัยการ ส่วนอีกหนึ่งคดีได้ถูกยกฟ้อง ดังนั้นในวันนี้ทางครอบครัวจึงเตรียมที่จะนำหลักฐานใหม่เข้าแจ้งความเอาผิดกับข้าราชการทหารบางนาย ที่ สภ.พญาไท เชื่อว่าบุคคลผู้นี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตาย และมีส่วนต่อการเปลี่ยนแปลงข้อมูล จนทำให้ไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้
นอกจากนี้ จะเข้าข้อความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรในทุกกรณีที่ทางครอบครัวเชื่อว่าการเสียชีวิตของน้องเมยไม่ใช่เกิดจากหัวใจล้มเหลว
"คดีการเสียชีวิตของเมยไม่น่าจะต่างจากคดีของนายบอส โดยคดีของนายบอสเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถ แต่คดีของเมยเป็นเรื่องของการใช้เทคนิคบางประการที่ทำให้ในวันนี้หน่วยงานเกี่ยวข้องไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องได้ เราจึงมั่นใจว่าหลักฐานใหม่ที่มีน่าจะเอาผิดกับข้าราชการทหารคนนี้ได้" พี่สาวของน้องเมยระบุ
น.ส.สุพิชา ยังเผยถึงกระแสข่าวลือเรื่องการรับเงินเยียวยาจำนวน 10 ล้านบาท ว่าไม่เป็นความจริง เพราะทุกวันนี้ทุกคนในครอบครัวยังต้องทำงานหาเงินเป็นค่าทนายและการต่อสู้คดีให้กับน้องชาย โดยตนมีรายได้จากการรับเป็นที่ปรึกษาคดี และเมื่อว่างจากงานก็ต้องมาช่วยผู้เป็นแม่ทำขนมส่งขาย เช่นเดียวกับผู้เป็นบิดายังต้องทำงานประจำเพื่อให้มีรายได้ ที่สำคัญที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับการติดต่อหรือได้รับความช่วยเหลือจากทางโรงเรียนเตรียมทหาร หรือแม้แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
"ตั้งแต่ตอนจัดงานฌาปนกิจศพ เราก็ได้รับแจ้งจากโรงเรียนเตรียมทหารเรื่องการจัดงานศพ ว่าโรงเรียนจะรับผิดชอบในจุดนี้ แต่วันนี้เงินที่เราได้มา 100,000 บาท เราก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเงินที่ใส่ซองมาช่วยงาน หรือเงินจัดงานศพ และทุกวันนี้ทางครอบครัวก็ยังไม่ใช้เงินจำนวนดังกล่าว จึงขอยืนยันว่าเราไม่เคยได้รับเงินต่าง ๆ ตามข่าวลือ" น.ส.สุพิชา กล่าว และว่าที่ผ่านมาทำไมเราเงียบไป เพราะมันยังไม่มีเรื่องอะไรใหม่ จึงไม่ได้แจ้งต่อสื่อมวลชน แต่วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะบอกว่าเรามีหลักฐานที่จะเอาผิดเพิ่มกับบุคคลที่เราเชื่อว่ามีส่วนสำคัญในการเตะถ่วงเรื่องผลสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของน้อง