พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.ไม่ตอบชี้ชัด นายตำรวจใหญ่คนไหนเป็นคนพา "สายประสิทธิ์" มาเจอ จนท.จนทำให้ความเร็วรถของ "บอส อยู่วิทยา" เปลี่ยนไป
จากกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเผยแพร่เอกสารว่า มีนายตำรวจระดับใหญ่เป็นผู้พา รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาให้ข้อมูลเรื่องความเร็วของรถนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความเร็วจาก 177 กม./ชม. เหลือแค่ 79.22 กม./ชม.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "รังสิมันต์ โรม" เผยตัวละครลับ ทำให้ความเห็นเรื่องความเร็วรถ "บอส อยู่วิทยา" เปลี่ยนไป
- "เนตร นาคสุข" แจง กมธ. สั่งไม่ฟ้อง "บอส " ตามสำนวน-ลาออกเพื่อองค์กร
- อัยการสูงสุดสั่งตำรวจสอบคดี "บอส อยู่วิทยา" ความเร็วรถ-เสพโคเคน
ล่าสุดวันนี้ (19 ส.ค.) นายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้เรียก พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐาน และ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ มาสอบถามถึงเรื่องนี้
นายรังสิมันต์ โรม ได้ตั้งคำถามในที่ประชุมว่า อยากให้ พล.ต.ท.มนู และ พ.ต.อ.วิรดล ตอบคำถามข้อสงสัยของสังคมว่า ใครเป็นผู้พา รศ.ดร.สายประสิทธิ์ มาพบเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ใช่นายตำรวจระดับใหญ่ตามที่ตนได้โพสต์ในเฟซบุ๊กหรือไม่
โดย พล.ต.ท.มนู ระบุว่า ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้ที่พาผู้เชี่ยวชาญมาหาเจ้าหน้าที่ แต่สิ่งสำคัญคือผลการตรวจพิสูจน์มากกว่า ตลอดเวลาในการทำงาน ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทุกนายให้ทำงานอย่างโปร่งใส พิสูจน์ได้ แต่กรรมการในที่ประชุม กล่าวแย้งว่า ตนเห็นว่าใครเป็นผู้พามานั้นสำคัญ เพราะอาจมีอิทธิพล เพราะเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งทั้งนี้ พล.ต.ท.มนู ไม่ได้เอ่ยชื่อหรือตอบคำถามของนายรังสิมันต์ว่าใครเป็นผู้พามาแต่อย่างใด แม้นายรังสิมันต์จะพยายามจี้ถามหลายครั้งก็ตาม
ขณะที่ พ.ต.อ.วิรดล ยืนยันว่า ตนไม่ได้รู้จักกับ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เป็นการส่วนตัว และไม่เคยไปพบเจ้าหน้าที่พร้อมกับนายตำรวจระดับใหญ่ตามที่นายรังสิมันต์กล่าวหาแต่อย่างใด
สำหรับข้อสงสัยเรื่องพยานในคดีนี้ คือ นายจารุชาติ มาดทอง และ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร นั้น พ.ต.อ.วิรดล ได้อธิบายว่า นายจารุชาติ เข้ามาเป็นพยานในปี 2555 ส่วน พล.อ.ท.จักรกฤช เข้ามาเป็นพยานในปี 2558