สุดสลด! สาวใหญ่โดนม้าเหล็กชนร่างแหลก แม่ช็อกเตือนลูกแต่หูตึง ปัดฆ่าตัวตาย (คลิป)

21 ส.ค. 63

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.63 เวลา 09.30 น. ร.ต.ท.นิชชากร ศรีโสภณ รอง สว สอบสวน สน.ตลาดพลู ได้รับแจ้งมีเหตุหญิงถูกรถไฟชนเสียชีวิต ภายในซอยเทอดไท 33 จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อคือ “น.ส.อุษณีย์ เลิศชามพูนท” อายุ 43 ปี

283786

เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบว่า หญิงดังกล่าวเดินเข้าใกล้กับรางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังแล่นมาพอดี จึงทำให้รถไฟชนอย่างจัง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ แพทย์นิติเวชต้องส่งมอบให้กู้ภัยนำส่ง สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง

529028

ล่าสุดวันที่ 21 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ บนทางรถไฟ ภายในซอยเทอดไท 33 ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุนี้ อยู่ด้านหลังบ้านของ น.ส.อุษณีย์ เลิศชามพูนท อายุ 43 ปี ผู้เสียชีวิต พบว่าที่เกิดเหตุยังมีคราบกองเลือดของผู้เสียชีวิตอยู่ที่พื้นหลายจุด

176469

โดยที่เกิดเหตุเป็นทางรถไฟ ที่มีแนวทางเดินสองข้างทางของแนวทางรถไฟ อีกทั้งสองฝั่งข้างทางเป็นบ้านเรือนของประชาชนตั้งอยู่ตลอดแนวทางรถไฟ ซึ่งในบริเวณแนวทางรถไฟนี้ มีเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชราพักอาศัยอยู่จำนวนหลายหลังคาเรือน อีกทั้งมีเด็กนักเรียนเดินกลับบ้านตามทางรถไฟ มีผู้ใหญ่กลางคนเดินเข้า - ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานอยู่เป็นประจำ

ขณะเดียวกันเส้นทางรถไฟที่ผ่านซอยเทอดไท 33 จะมีขบวนรถไฟแล่นผ่านทุก 30 นาที บางขบวนแล่นผ่านด้วยความเร็ว บางขบวนแล่นช้าแตกต่างกันไป ซึ่งตามแนวทางรถไฟไม่มีแผงเหล็กกัน เพื่อความปลอดภัยแต่อย่างใด

708143

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับนางเปีย พี่สาวของผู้เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเป็นพี่สาวคนโต ผู้เสียชีวิตเป็นน้องคนสุดท้อง ไม่มีลูกไม่มีสามี ก่อนหน้านี้น้องสาวทำงานเป็นพนักงานธนาคาร แต่ปัจจุบันต้องออกจากงานมาดูแลแม่กว่า 2 ปีแล้ว เนื่องจากแม่เพิ่งผ่าตัดขา จึงต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด

โดยวันเกิดเหตุ น.ส.อุษณีย์ อยู่กับแม่สองคน ช่วงเช้ากำลังจะเดินทางไปอบรม เนื่องจากเพิ่งสมัครงานใหม่ เพื่อเป็นพนักงานขายประกันของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ซึ่ง น.ส.อุษณีย์ เดินออกจากบ้านทางประตูหลังบ้านไปแล้วรอบแรก แต่ลืมโทรศัพท์มือถือ จึงเดินกลับมาเอาที่บ้าน ซึ่งก่อนจะเดินออกจากบ้านรอบที่สองนั้น ผู้เป็นแม่ได้ยินเสียงรถไฟกำลังแล่นมา จึงบอกว่า “ระวังรถไฟนะลูก รีบกลับบ้านด้วย”

396145

ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ที่น.ส.อุษณีย์ เดินออกจากบ้านทางประตูหลังบ้าน ผู้เป็นแม่ได้ยินเสียงรถไฟหยุดแล่น และจอดอยู่ด้านหลังบ้าน จึงรีบออกมาดูถึงกับช็อก เพราะเห็นร่างลูกสาวนอนเลือดอาบอยู่ที่พื้นข้างทางรถไฟ บริเวณหลังบ้าน วินาทีนั้นวิ่งเข้ามาโอบกอดด้วยความเสียใจ ร้องไห้ เรียกชื่อลูก จากนั้นลูกก็ชักกระตุก 2 ครั้งก่อนสิ้นลมหายใจ

นางเปีย เล่าต่อว่า สภาพจิตใจขณะนี้ ยังทำใจไม่ได้ นั่งน้ำตาไหลตลอดเวลา อีกทั้งครอบครัวเครียดมาก ยอมรับว่าที่ผ่านมา น้องสาวมีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้าจริง เนื่องจากเครียดพิษโควิด-19 และการงานที่ยังไม่มั่นคง และมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับการได้ยิน เคยได้รับบัตรผู้พิการด้านการได้ยิน แต่มองว่าไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตหรือไม่ใช่การฆ่าตัวตายแน่นอน ครอบครัวเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุหรือถึงคาดที่จะเสียชีวิตแล้ว ทำให้ขณะเดินออกบ้านหูไม่ได้ยินเสียงรถไฟ หรือมีอะไรมาบังตาไม่เห็นขบวนรถไฟ

ส่วนนิสัยใจคอของผู้เสียชีวิตนั้น เป็นคนไม่ค่อยพูด มีปัญหาอะไรไม่เคยเล่าให้ฟัง ไม่เคยปรึกษา คนในครอบครัว ทั้งนี้ตนอยากบอกผู้เสียชีวิตว่า “ขออโหสิกรรม อยากให้น้องหมดห่วง และไปสู่ภพภูมิที่ดี” หลังจากนี้ครอบครัวเตรียมเดินทางไปรับศพที่ สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราชในวันพรุ่งนี้ ก่อนนำมาบำเพ็ญกุศลที่ วัดบางสะแกนอก กรุงเทพมหานคร ก่อนกำหนดฌาปณกิจในวันที่ 23 ส.ค.63 

617235

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายนพดล ลิมปวรากุล อายุ 44 ปี เพื่อนบ้านผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตคล้ายกับมีปัญหาด้านสุขภาพจิต เนื่องจากมักจะเห็นคนเสียชีวิต มานั่งสูบบุหรี่ที่หลังบ้านในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. และอีกครั้งเวลา 20.00 น. ระหว่างที่กำลังสูบบุหรี่อยู่นั้น ผู้เสียชีวิตจะพูดคนเดียวเป็นประจำทุกวัน ในตอนแรกตนเข้าใจพูดกับแม่ แต่เมื่อหันไปมองไม่พบใครอยู่ใกล้เคียง อีกทั้งมักเดินพูดคนเดียวเป็นประจำ จนเป็นที่ชินตาของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง 

529825

นายนพดล เล่าต่อว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นความผิดปกติอะไร ผู้เสียชีวิตไม่เคยดื่มเหล้า แต่มีอาการเครียดชัดเจน คาดว่าน่าจะเครียดเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน เนื่องจากว่างงานแล้วต้องมาอยู่ดูแลแม่ 

นอกจากนี้ นายนพดล ยังเผยอีกว่า บริเวณแนวทางรถไฟจุดนี้ มักมีคนเสียชีวิตเซ่นทางรถไฟแล้วหลายศพ โดยเฉลี่ยจะมีผู้เสียชีวิต 3 ปี/ครั้ง ซึ่งมีผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว กระทั่งล่าสุดเมื่อเช้านี้เกิดเหตุซ้ำอีก ลักษณะการเสียชีวิต แต่ละคนล้วนเป็นคนที่มีความเครียดหรือปัญหาชีวิตทั้งหมด ซึ่งจากเหตุการณ์มี่ผ่านมา ตนเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่อง “ตัวตายตัวแทนและดวงตก” จึงทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นประจำ

โดยที่ผ่านมาแนวทางรถไฟเส้นนี้ เมื่อมีขบวนรถไฟแล่นผ่านมา จะมีสัญญาณไฟสีส้มกระพริบแจ้งเตือน และมีการเปิดเสียงหวูดรถไฟ เพื่อเตือนประชาชน และคนที่อยู่ใกล้เคียงให้ทราบ แต่บางขบวนแล่นมาด้วยความเร็ว ไม่มีการเปิดเสียงหวูด ก็เป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้  

advertisement

ข่าวยอดนิยม