จากกรณีที่เกิดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน ทำให้พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร มีปรากฏการณ์คล้ายๆ มีหมอก ซึ่งประชาชนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลักษณะมีสีเทา น้ำตาล อยู่ในชั้นอากาศ ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งจะพบในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน อากาศนิ่ง ซึ่งจะทำให้มลพิษสะสมในอากาศ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับ PM 2.5 สูงขึ้นผิดปกติในช่วงนี้
(คำว่า
PM มาจากคำว่า Particulate Matters ซึ่งหมายถึงละอองฝุ่นในอากาศ ส่วนตัวเลขที่ต่อท้าย และ
2.5 หมายถึง ขนาดของละอองฝุ่นในหน่วยของไมครอน)
นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีแนวโน้มลดลงทุกที่ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยวานนี้ (24 ม.ค.) ได้มีฝนตกลงมาทำให้ชะล้างฝุ่นละอองไปได้ส่วนหนึ่ง อากาศในวันนี้จึงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้มีการออกมาประกาศเตือนประชาชน เพราะคาดว่าค่าฝุ่นละอองจะเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
แต่ปรากฏว่ายังคงมีฝุ่นละอองอยู่ในอากาศต่อมาอีก 2-3 วัน ทำให้ประชาชนเป็นกังวล ซึ่งมีโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าจะมีอุณหภูมิลดลงอีกในบางช่วง มวลอากาศเย็น ความกดอากาศสูงลงมา ช่วงเปลี่ยนอาจเกิดภาวะอากาศนิ่งได้อีก สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ระบบทางหายใจหรือโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมภายนอกอาคาร หรือสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
นอกจากนี้ยังอยากขอความร่วมมือเจ้าของยานพาหนะ ได้ดูแลรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดีและไม่ปล่อยควันดำ และถ้าเป็นไปได้อยากให้งดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันไปใช้ระบบขนส่งมวลชนก็จะช่วยลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ได้
นายชัชพงศ์ แก้วสว่าง ชาว กทม. เล่าว่า ตนเห็นเหมือนมีหมอกในอากาศมา 3-4 วันแล้ว โดยเฉพาะเมื่อวานนี้เห็นได้ชัดว่าหมอกหนากว่าทุกวัน และมีสีเทาๆ แต่ไม่คิดว่าเป็นฝุ่น เนื่องจากอากาศยังเย็นๆ และกรมอุตินิยมวิทยาก็บอกว่าอุณหภูมิจะลดลงอีก จนมาดูข่าวจึงทราบว่าเป็นฝุ่น ก็รู้สึกตกใจ เพราะลูกสาวยังเล็กมาก ควรจะมีประกาศเตือนให้เร็วกว่านี้ เพราะเป็นมลพิษซึ่งอาจจะเป็นอันตรายสุขภาพได้
ด้านนางธนพร คงมาก ชาว กทม. เล่าว่า เมื่อวานนี้ตนเห็นหมอกเต็มท้องฟ้าไปหมด แต่คิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของอากาศ เพราะมีฝนตกลงมาด้วย แต่พอรู้ว่าเป็นฝุ่นก็รู้สึกตกใจ แต่ในวันนี้รู้สึกว่าอากาศเริ่มดีขึ้นแล้ว