จากกรณีที่นักศึกษาชั้นปี 1 เสียชีวิตเพราะช็อกหมดสติ โดยพบว่า คือ น.ส.พรพิพัฒน์ เอียดดำ หรือ น้องมิ้น นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต โดยมีเพื่อนให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้าถูกรุ่นพี่ลงโทษให้วิ่ง 8 รอบลานจอดรถ จนเป็นลมและช็อกหมดสติก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แฉ 4 รุ่นพี่ร่วมสั่งน้องมิ้นวิ่งสติแตกเห็นภาพสิ้นใจ พ่อเศร้าได้ใบมรณะแทนปริญญา
- แม่น้องมิ้นช็อกหามส่ง รพ. ครอบครัวเผยเพ้อถึงแต่ลูก เพื่อนแฉ 3 ท่าใช้ทำโทษ
- พี่เหยื่อแฉรุ่นพี่โหดสั่งวิ่ง 5 กม. ปมมาซ้อมหลีดสาย เพื่อนเจอฉี่แตกดับก่อนถึงหมอ
ล่าสุด วันที่ 24 ส.ค. 63 เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดี โดยมี พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต เข้าร่วมประชุมใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
โดยความคืบหน้าของคดี พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้สอบพยานทั้งเพื่อนนักศึกษา รุ่นพี่ และแพทย์ โดยเฉพาะนักศึกษาที่เป็นคนสั่งให้ทำกิจกรรมได้มามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว เจ้าตัวยังให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าทำกิจกรรมจริง แต่ไม่ได้ทำการประมาทจนเป็นเหตุให้น้องมิ้นเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหากระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทั้งนี้ ทางผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัว พนักงานสอบสวนจึงใช้ดุลพินิจในการปล่อยตัวชั่วคราวไป
นอกจากนี้ หากการสอบสวนมีหลักฐานว่ามีผู้ใดเข้าข่ายว่าน่าจะกระทำความผิดจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ซึ่งวันนี้ให้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตประสานกับมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ให้มีการวางมาตรการป้องกันเหตุในสถานศึกษากรณีเช่นนี้ เพื่อให้รอบคอบไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอีก
ล่าสุด น.ส.หรือแพร รุ่นพี่ของน้องมิ้นในชมรมเชียร์ลีดเดอร์ ที่สั่งให้น้องมิ้นวิ่งรอบลานจอดรถก่อนเสียชีวิต เดินทางมาพร้อมกับญาติ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา วันนี้มีสีหน้าเคร่งเครียด ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวไม่พูด และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่เตรียมเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องสอบปากคำต่อไป
ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมเรียกสอบปากคำเพิ่มเติม รุ่นพี่อีก 3 คน ได้แก่ น.ส.บี ผู้เสิร์ฟน้ำให้ผู้ฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์, น.ส.เอ ผู้ดูแลรุ่นน้องแสตนเชียร์ และนายแสตมป์ เป็นผู้โทรศัพท์ประสานทางโรงพยาบาล ไม่ได้เข้ามาดูน้องมิ้นขณะเกิดเหตุ, นายเดียว เพื่อนของน้องมิ้นกับรุ่นพี่ที่ให้การช่วยเหลือในวันเกิดเหตุ รวมถึงอาจารย์ด้วย
ซึ่งจะมีการเรียกสอบรุ่นพี่ของน้องมิ้นในหลายประเด็น เช่น การลงโทษทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่เต้นไม่พร้อมกัน ใครสั่งให้วิ่ง วิ่งกี่รอบ แบะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ 19 ส.ค. 63
ซึ่งจากคำให้การในเบื้องต้นพบว่าน้องมิ้นวิ่งไปได้ 6 รอบ และมีการเหนื่อยจนเข้ารอบที่ 7 เกิดอาการชักเกร็ง ก่อนถูกช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
ล่าสุด ทีมข่าวเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง และจำลองการวิ่งรอบลานจอดรถ ระยะทางประมาณรอบละ 100 เมตร และวิ่ง 7 รอบ รวมระยะทางประมาณ 700 เมตร
ซึ่งทีมข่าวส่วนสูง 160 ซม. น้ำหนัก 52 กก. ไม่มีโรคประจำตัว แต่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำจึงทำให้เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ซึ่งวิ่งได้ 4-5 รอบต้องมีการหยุดพัก มีอาการเหนื่อยมากจนแทบจะวิ่งต่อไม่ไหวในรอบที่ 6 มีอาการคอแห้ง ต้องหายใจทางปาก และวิ่งอ่อนแรงในรอบที่ 7 เหนื่อยหอบ หายใจไม่เต็มปอด
ด้านนางดวงใจ สองแก้ว แม่ของน้องมิ้นอาการยังแย่ หลังจากช็อกและร้องให้เสียใจอย่างหนัก จนไม่มีแรง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีผู้เกี่ยวข้องติดต่อเพื่อให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด ทั้งโทรศัพท์มาแสดงความเสียใจ ส่งพวงหรีดมาที่งานศพ หรือแม้แต่เงินช่วยเหลือเยียวยา
ล่าสุด ทีมข่าวตรวจสอบบนเฟซบุ๊กของน้องมิ้น ก่อนเสียชีวิต วันที่ 13 ส.ค. 63 มีการแชร์โพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์การเรียนของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ราชภัฏภูเก็ต
ต่อมา วันที่ 16 ส.ค. 63 มีการแชร์โพสต์โรงเรียนแห่งหนึ่งพร้อมกับรูปภาพลูกสาว 2 คนหอมแก้มแม่บนโซฟา
นอกจากนี้ ยังมีการโพสต์คลิปวิดีโอเล่นกับเพื่อน ๆ เป็นคลิปสุดท้าย ซึ่งน้องมิ้นมีท่าทางยิ้มแย้มและสนุกสนาน