จากกรณีที่นักเรียนหญิง ชั้น ม.1 จำนวน 3 คน ถูกนักเรียนชาย ม.2 กว่าสิบคน ล่อลวงเข้าโรงเเรม หวังรุมโทรม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งเเต่ต้นเดือน ธ.ค.60 เเต่เวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีนั้น
ล่าสุด พ่อของ 1 ในผู้เสียหาย เผยกับทีมข่าวว่า ตนได้ไปแจ้งความตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.60 แต่คดีไม่คืบหน้า จึงได้เข้าร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ส่วนที่สังคมตั้งคำถามว่า การที่ตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับเด็กทั้ง 6 คนเป็นการทำให้เด็กต้องตกเป็นจำเลยสังคมหรือไม่ ตนเข้าใจหัวอกของพ่อ-แม่ ฝ่ายผู้ก่อเหตุเหมือนกัน แต่อยากบอกว่าตนบอบช้ำมากกว่าเป็น 10 เท่า เนื่องจากมีลูกสาวเพียงคนเดียว และต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้
โดยยืนยันว่า 7-8 ปีที่ผ่านมา ลูกสาวของตนไม่เคยทำตัวเหลวไหล ถ้าไม่ใช่ตนก็จะมีญาติคอยรับส่งลูกตลอด ไม่เคยให้ลูกกลับบ้านกับคนอื่น ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวตนตัดสินใจตามรุ่นพี่ผู้หญิง ออกนอกโรงเรียนในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นครั้งแรก เนื่องจากอีกฝ่ายมีการพูดโน้มน้าวและพยายามชักชวนมาหลายครั้ง แต่ลูกสาวตนปฏิเสธมาตลอด ซึ่งครั้งนี้รุ่นพี่ผู้หญิงอ้างว่าไปเที่ยวตลาด แต่กลายเป็นว่าพาไปที่โรงแรมดังกล่าวแทน
ขณะนี้ลูกสาวก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก เวลาอยู่ที่บ้านก็ดูมีความสุขดี แต่จะเครียดบ้างเวลาไปโรงเรียน เพราะโดนรุ่นพี่ล้อเลียน ประชดประชัน เช่น เวลาเดินผ่านจะมีคนพูดขึ้นมาว่า “สะตอ”
ด้านนักเรียนหญิงรุ่นพี่ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว โรงเรียนมีการตรวจผม แต่พวกตนยังไม่ได้ตัดผมให้ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน ตนก็เลยชวนน้อง ม.1 หนีออกนอกโรงเรียน ซึ่งยอมรับว่าทำเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ ยอมรับว่ามีโดดเรียนบ้าง แต่ก็จะแอบอยู่ตามอาคารต่างๆ ภายในโรงเรียน ไม่เคยออกนอกบริเวณโรงเรียน แต่ในวันดังกล่าว ตนทราบว่าเพื่อนไปอยู่ที่โรงแรมก่อนแล้ว ก็เลยตามไป ยืนยันว่า "
น้องเขารู้อยู่แล้วว่ามีเพื่อนผู้ชายรออยู่หลายคน แต่ก็สมัครใจที่จะตามมาเอง ตนชวนแค่คำเดียวเท่านั้น"
ขณะที่นักเรียนชาย อายุ 13 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ยอมรับว่า ได้มีการจูบรุ่นน้อง ม.1 จริง แต่ระบุว่า "
น้องเป็นคนลากตนเข้าไปจูบ" แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยมากกว่านั้น และตอนที่ตนจูบ น้องเขาก็ไม่มีท่าทีขัดขืน หรือโวยวาย ส่วนที่บอกว่ารุ่นน้อง วิ่งหนีสภาพสะบักสบอมออกมาก็ไม่เป็นความจริง เพราะวันนั้นฝนตก รุ่นน้องจึงถอดชุดนักเรียนไปให้แม่บ้านของรีสอร์ทซัก แล้วเอาผ้าขนหนูคลุมตัวเดินไป-มา
ส่วนตัวเสียความรู้สึกมาก ที่โดนแจ้งความและตกเป็นผู้ต้องหา เพราะมันทำให้เสียอนาคต และคนอื่นก็มองไม่ดี ทุกวันนี้ไม่กล้าจะออกไปไหน เครียด กลัวคนอื่นจะปักใจเชื่อว่าตนเองทำจริงๆ จึงอยากจะขอความเป็นธรรมว่าให้รอดูข้อเท็จจริงก่อน ฟังความทั้งสองฝ่ายก่อน ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องตนไม่ได้ติดต่อกับรุ่นน้องคนนั้นเลย
ทั้งนี้เด็กนักเรียนทั้ง 6 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหา พรากผู้เยาว์, ทำอนาจาร และกักขังหน่วงเหนี่ยว ก่อนนำตัวไปฝากขังศาลเด็กและเยาวชน ซึ่งศาลพิจารณาให้ประกันตัวทั้งหมดในวงเงินประกันคนละ 10,000 บาท