สาวปะทะเดือด ไลฟ์เจอด่านถูกปรับซ้ำขู่ยึดรถ ผกก.โต้ แจงยิบผิดหลายกระทงปรับแค่ 200 (คลิป)

27 ส.ค. 63

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.63 หลังจากที่คลิปการโต้เถียงกันระหว่าง นักศึกษากับตำรวจถูกแชร์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เกรียงไกร ไทยอ่อน เมื่อคืนที่ผ่านมา และมีประชาชนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งด้านบวกและด้านลบกันอย่างมากมาย

270737

โดยรายละเอียดคลิปเป็นภาพที่นางสุนิสา ขับรถผ่านมาจุดตรวจ บริเวณแยกหอนาฬิกา หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. เห็นว่ามีนักศึกษากำลังถูกออกใบสั่งและเสียค่าปรับ จึงเดินเข้าไปสอบถามน้องนักศึกษาคนนั้น นางสุนิสา เล่าว่า หลังจากได้พูดคุยกับน้องนักศึกษาทราบว่าได้ขับรถจักรยานยนต์ซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และไม่ได้พกใบอนุญาตขับขี่ จึงถูกออกใบสั่ง ให้เสียค่าปรับ 400 บาท

642404

โดยนักศึกษาอ้างว่าตอนนั้นมีเงินเพียง 200 บาท ซึ่งก่อนจะมีการไลฟ์สด ได้มีการสนทนาระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่าน บอกว่า จะทำการยึดรถไว้ก่อน หากเสียค่าปรับเพียง 200 บาท และให้ไปจ่ายเงินอีก 200 บาทที่สถานีตำรวจ จึงจะคืนรถให้

243260

จากนั้นนางสุนิสา เจ้าของคลิป ได้พานักศึกษาคนดังกล่าวเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่าน ทราบว่าตำรวจไม่ได้พูดแบบนั้น และได้รับเงินค่าปรับกับนักศึกษาคนดังกล่าวเพียง 200 บาท โดยได้ออกใบเสร็จรับเงินไปเรียบร้อย จนนักศึกษาคนดังกล่าวกำลังจะกลับบ้านแล้ว และไม่ได้จะยึดรถไว้แต่อย่างใด

902164

ด้าน พ.ต.อ.ภัทรพล โพธิอะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบคลิปดังกล่าว ทราบว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนก.ค. 63 ได้รับรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว โดยพบว่าเหตุการณ์นี้ตำรวจจราจรได้ออกปฏิบัติกวดขันวินัยจราจรตามปกติ มีพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตามกฎหมาย จึงสามารถเสียค่าปรับได้ที่จุดตรวจนั้นได้เลย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

561705

ในเหตุการณ์วันนั้น จราจรได้ตรวจพบว่าบุคคลดังกล่าวขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และไม่พกใบอนุญาตขับขี่ จึงได้ออกใบสั่งและให้เสียค่าปรับ 200 บาท ซึ่งบุคคลดังกล่าวก็ได้ยอมรับกับข้อหาที่พนักงานสอบสวนแจ้งในใบสั่งแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจยึดรถสามารถตรวจยึดไว้ได้ เพราะเป็นรถไม่มีเอกสารยืนยันการเป็นเจ้าของในช่วงเกิดเหตุ แต่ชุดปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้นก็ได้ปล่อยให้กลับบ้านได้หลังมีการเสียค่าปรับ

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส