ทางการเกาหลีใต้ ประกาศในวันศุกร์ (28 ส.ค.) ตัดสินใจที่จะคงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดต่อไปอีก 1 สัปดาห์ ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวัน ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทางการเกาหลีใต้ ระบุว่า มีความจำเป็นที่ทางการ ต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งรวมถึงการจำกัดชั่วโมงการทำงานของบริษัทห้างร้านต่างๆ และการจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการของร้านอาหารและร้านกาแฟ ต่อไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ในพื้นที่กรุงโซล และหัวเมืองที่ตั้งอยู่โดยรอบ
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ทางการเกาหลีใต้ ออกคำสั่งบังคับประชาชนมากกว่า 9.73 ล้านคนในกรุงโซล ให้ต้อง “สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา” เป็นครั้งแรก ถือเป็นมาตรการสุดเข้มงวดที่ถูกประกาศใช้เพื่อรับมือกับการหวนกลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยประชาชนทุกคนที่อาศัยในกรุงโซล จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ “ในร่ม” หรืออยู่ “กลางแจ้ง” โดยหากใครฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรการนี้ จะต้องถูกจับ-ปรับทันที ที่เจ้าหน้าที่พบเห็น
มีรายงานว่า อัตราค่าปรับขั้นต่ำสำหรับคนที่กระทำความผิดเป็นครั้งแรก จะอยู่ที่ประมาณ 500,000 วอน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 13,200 บาท แต่หากถูกพบว่า ทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จำนวนเงินค่าปรับก็จะพุ่งสูงขึ้นไปอีก
สื่อเกาหลีใต้ระบุว่า มาตรการใหม่ที่ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาในกรุงโซลครั้งนี้ ถือว่ามีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก เพราะมีข้อยกเว้นให้ประชาชนสามารถถอดหน้ากากอนามัยออกได้เพียงแค่ 3 กรณีเท่านั้น คือ ตอนรับประทานอาหาร , ตอนดื่มน้ำ , และตอนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินซึ่งจำเป็นต้องร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม มีการออกมาตรการบังคับให้ประชาชนในกรุงโซลสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะที่ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนและรถแท็กซี่เท่านั้น แต่การที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมามีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีการออกมาตรการใหม่ที่มีความเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นในขณะที่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเกาหลีใต้ขณะนี้ได้เพิ่มจำนวนเป็นอย่างน้อย19,077 คน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 316 ราย