จากกรณีเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทองได้ควบคุมตัวนายไพรฑูรย์ กระจ่างวรรณ หรือเพทาย อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 101/1 หมู่ 7 ตำบลจำปาหล่อ อำเภอเมือง ตามหมายจับฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มาทำการสอบสวนขยายผล พร้อมด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม.
หลังจากที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธปืนยิงกันหน้าร้านอาหาร หมู่ 8 ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 30 ส.ค.63 ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายประเสริฐ เสวก อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 ม.7 ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
คดีพลิก! เจ้าของผับโต้ล็อกคอยิงหนุ่มเทศกิจโบ้ยมือมืดฆ่า เมียท้องแก่โฮรับศพ
ล่าสุดวันที่ 31 ส.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ควบคุมตัวนายไพฑูรย์ กระจ่างวรรณ อายุ 40 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดียิงนายประเสิรฐ บริเวณด้านหน้านอาหารกึ่งผับ ริมถนนสายเลี่ยงเมือง ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง หลังศาลจังหวัดอ่างทอง อนุมัติออกหมายจับนายไพฑูรย์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและยิงปืนในที่สาธารณะ ก่อนนำตัวเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหาที่ สภ.เมืองอ่างทอง เพื่อรอการสอบสวนดำเนินคดี
โดยนายไพฑูรย์ ยอมรับว่า เป็นผู้ยิงนายประเสริฐจริง เนื่องจากขณะเกิดเหตุนายประเสริฐซึ่งมีอาการเมา ใช้อาวุธปืนกราดยิงคนในร้านได้รับบาดเจ็บ 4 ราย จึงตัดสินใจยิงสวนนายประเสริฐไป 1 นัด เพื่อป้องกันไม่ให้นายประเสริฐยิงคนอื่นอีก ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่านายประเสริฐ เป็นเจ้าหน้าที่หรือไม่ แต่ตอนนั้นต้องป้องกันตัว
หลังจากควบคุมตัวนายไพฑูรย์ ทางเจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจเขม่าดินปืนที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี
จากนั้นทีมข่าว เดินทางมาในพื้นที่ ม.5 ต.จำปาหล่อ จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นบ้านของพ่อผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่กับภรรยาใหม่ ทีมข่าวมาได้เจอกับนางอำพัน ศรีสวัสดิ์ อายุ 60 ปี แม่เลี้ยงของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตอนนี้สามีไม่อยู่บ้าน เนื่องจากออกไปตลาด แต่เจ้าตัวก็เสียใจที่ทราบข่าว เพราะ 3-4 วันก่อน ผู้ก่อเหตุยังมาพาผู้เป็นพ่อไปร่วมงานทำบุญที่ร้านอาหาร เนื่องจากผู้ก่อเหตุทำงานที่ร้านอาหาร
โดยผู้ก่อเหตุและพ่อก็ติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ เวลามาที่บ้านก็คุยดีกับตน แม้ว่าตนจะเป็นแม่เลี้ยงก็ตาม และผู้ก่อเหตุก็มักจะมาเยี่ยมลูกชายวัย 7 ปี ที่ให้ตนเลี้ยงเอาไว้อยู่บ่อยครั้งด้วย เมื่อเช้าตนทราบข่าวผ่านทางโทรทัศน์ก็รู้สึกน้ำตาไหล เพราะไม่คิดว่าลูกเลี้ยงจะมาก่อเหตุแบบนี้ ในตอนแรกก็แทบไม่อยากเชื่อ เพราะลูกไม่เคยมีปัญหากับใคร ตนคิดว่าสาเหตุที่ทำไปน่าจะเพราะว่าถูกหาเรื่องก่อน เนื่องจากลูกจะมีนิสัยไม่ทำใครก่อน
นอกจากนี้หลานชายวัย 7 ปี เห็นข่าวในทีวี และได้ยินชื่อพ่อของตัวเอง จึงได้ถามตนว่าชื่อนี้ชื่อเหมือนพ่อเลย ตนก็เลยปลอบหลานว่า "ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวอยู่กับย่านี่แหละ" ส่วนสามีของตน หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้เครียดมาก แต่ดูเงียบ ๆ ผิดปกติไปจากเดิม ไม่พูดจาอะไร
สำหรับทางญาติคนตายเอง ตนก็ยังไม่ได้ไปขอโทษ และไม่ได้ติดต่อไป เพราะตนไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก หากตนไปขอโทษก่อน อาจจะเป็นการยอมรับผิด จึงไม่ขอพูดอะไรมาก แต่ตนก็สงสารภรรยาของผู้ตาย เพราะยังตั้งท้องใกล้คลอดอยู่ด้วย แต่เรื่องความผิดขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการกฎหมายดีกว่า
ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดจันทร์ ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง สถานที่ตั้งศพผู้ตาย ได้พูดคุยกับน.ส.พัชรา คุ้มมงคล อายุ 29 ปี ภรรยาผู้ตาย และน.ส.ณัฐธิดา จิตรักษ์ อายุ 22 ปี ลูกสาวต่างมารดา เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า หลังจากผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวได้ ตนก็ไม่ได้เดินทางไปดู แต่ตนคิดว่าคนร้ายน่าจะมีหลายคน
สามีของตนเพิ่งไปร้านดังกล่าวครั้งแรก เนื่องจากการทำงานหลักจะอยู่กรุงเทพมหานคร เดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวในวันหยุด โดยสามีตนเป็นคนที่ลักษณะเหมือนจะดุ แต่นิสัยดี ซึ่งสาเหตุตนก็คิดว่าอาจจะมีปากเสียงกัน และทะเลาะวิวาทกัน และที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าป้องกันตัว จุดนี้ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
นอกจากนี้ น.ส.ณัฐธิดา ลูกสาวผู้ตาย กล่าวเสริมต่อว่า หากอ้างว่าป้องกันตัวก็สามารถอ้างได้ แต่ที่ตนเห็นในคลิป คือ พ่อของตนสู้ไม่ได้แล้ว เดินหนีออกมาจากร้าน และได้ล้มลงไปกับพื้นแล้วด้วย
ส่วนทางญาติผู้ต้องหาที่บอกว่า การที่ยังไม่ขอโทษ เพราะไม่รู้ใครผิด ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะตนเข้าใจ แต่ความคิดของตน ตอนนั้นผู้ตายถอยมาแล้ว ทำไมถึงยังได้ตามมารังแกกันถึงขนาดนี้ สุดท้ายนี้หลังจับได้ตนก็ดีขึ้นระดับหนึ่ง อยากให้ความจริงรีบปรากฏ หากเป็นไปได้ก็อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมอบตัว
อย่างไรก็ตาม สามีตนเป็นเสาหลัก เมื่อขาดไปก็รู้สึกเสียใจ เพราะตนมีลูกอีก 2 คนที่ต้องเลี้ยง และมีลูกที่กำลังจะเกิดมาด้วย แต่ก่อนตนทำงานกัน 2 คน ตอนนี้ตนก็ต้องทำงานคนเดียวแล้ว
ทีมข่าวพูดคุยกับนายคำนวนเดช ผลปราชญ์ อายุ 25 ปี ถูกยิงที่เข่าซ้าย 1 นัด เล่าเหตุการณ์กับทีมข่าวว่าช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน วันที่ 29 ส.ค.63 ที่ผ่านมา เหตุเกิดจากผู้ตายมาที่ร้าน เมาเหล้าและอาละวาดหาเรื่องพวกตนซึ่งเป็นพนักงานของร้าน ขณะเกิดเหตุในร้านผู้ตายเข้ามาไม่ได้นำปืนเข้าไปด้วย เพราะการ์ดจะตรวจตลอด แต่เหตุมันเกิดหลังจากที่การ์ดของร้านกลับไปหมดแล้ว ซึ่งช่วงนั้นร้านจะเลิกแล้ว
ตามที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ไป ผู้ตายเข้ามาอาละวาด ขณะนั้นนายไพฑูรย์ ซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน จึงได้กันผู้ตายออกมานอกร้าน ทำให้ผู้ตายมีช่วงจังหวะไปหยิบปืนที่รถ และนำมายิงพวกตนบริเวณหน้าร้านตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งเสียงปืนที่ดังในคลิปเป็นช่วง ๆ นั้น เป็นเสียงปืนของผู้ตายที่ลั่นไกใส่พวกตนจนได้รับบาดเจ็บ
หลังจากตนถูกยิงตนก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย และไม่รู้ว่านอกจากนายไพฑูรย์ ที่ก่อเหตุแล้ว มีใครอื่นอีกหรือไม่ที่ร่วมก่อเหตุ โดยตอนนี้หลังจากผู้จัดการถูกจับตัว ตนก็ไม่ได้กังวลว่าจะตกเป็นผู้ต้องหา เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เท่าที่ตนบอกได้ คือ ผู้ตายกร่าง ผู้จัดการร้านจึงไปหยิบปืนมายิงป้องกัน หากผู้จัดการไม่ยิง ตนอาจจะถูกยิงซ้ำ และกลายเป็นศพอยู่ตรงจุดนั้นก็ได้
หลังจากนี้ตนก็คงต้องตกงาน เพราะร้านถูกสั่งปิด 5 ปี ส่วนอาการบาดเจ็บของตน ตนผ่าตัดขาซ้ายไปแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้ก็ดีขึ้นแต่ยังปวดอยู่ ส่วนครอบครัวผู้ตาย หากจะให้พูดอะไรด้วย ตนก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะตนก็เล่าเท่าที่ตนเล่าได้
ทีมข่าวยังได้เดินทางมายังร้านอารหาร THE BEST ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง โดยวันนี้หลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางลงมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบพื้นที่หาหลักฐานอีกครั้ง
โดยจุดเกิดเหตุอยู่ริมถนนหมายเลข 368 ต.โพสะ ลักษณะเป็นร้านเปิดโล่ง มีเวทีด้านในสำหรับการแสดงดนตรีสด บริเวณรอบ ๆ เป็นทุ่งนา ส่วนหน้าร้านได้ติดป้ายไว้ชัดเจน ซึ่งเป็ยกฎระเบียบ และข้อห้ามของทางร้าน โดยมีข้อความดังต่อไปนี้
1.ห้ามก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือก่อความไม่สงบและฝ่าฝืนปรับขั้นต่ำ 20,000 บาทต้องชดใช้ค่าเสียหายและถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย และ 2.ห้ามพกอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในร้าน ฝ่าฝืนปรับขั้นต่ำ 20,000 บาท และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย