กรณีเรื่องราวที่ร้อนแรงในโลกโซเชียลมีเดีย และกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับการประกวดนางสาวสมิหลา 2020 รอบชิงชนะเลิศ ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 31 ส.ค.63 ณ เวทีสระบัว แหลมสมิหลา จ.สงขลา เนื่องจากมีนางงามที่เข้าประกวดบุกขึ้นเวที แล้วคว้าไมค์เพื่อทวงถามความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ถึงสาเหตุที่ตกรอบ เพราะมั่นใจว่าทำคะแนนได้ดี
ล่าสุดวันที่ 1 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี มีโอกาสไปพูดคุยกับนางงามชุดชมพูคือ “น้องอร อรณพรรณ” ผู้เข้าประกวดหมายเลข 32 ที่เป็นคนคว้าไมค์มาพูดตามคลิปที่เผยแพร่อยู่ในโลกโซเชียลฯ รวมถึงนางงามที่อยู่บนเวทีดังกล่าว พร้อมทั้งพี่เลี้ยงนางงามด้วย
สำหรับคะแนนสาวงามที่เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย มีรายละเอียดดังนี้
เบอร์ 9 - ปิยธิดา มิตติสสา (เข้ารอบ) 4 คะแนน
เบอร์ 12 - อักษราภัค ชัยอำมาตย์ (เข้ารอบ) 9 คะแนน
เบอร์ 19 - นามิตา แก้วใหม่ (เข้ารอบ) 7 คะแนน
เบอร์ 26 - ชรินรัตน์ แซ่ก๊วย (เข้ารอบ) 4 คะแนน
เบอร์ 27 - วรัมพร ปั้นอินทร์ (เข้ารอบ) 5 คะแนน
เบอร์ 30 - ยลดา โชติสำเภา (ตกรอบ) 0 คะแนน
เบอร์ 32 - อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ (ตกรอบ) 9 คะแนน
เบอร์ 34 - ปาณิศา สุทธิสว่าง (ตกรอบ) 1 คะแนน
เบอร์ 38 - สุภัสสรา สุปัญญา (ตกรอบ) 3 คะแนน
เบอร์ 45 - กัญกนิชฐ์ มั่งมี (ตกรอบ) 3 คะแนน
น้องอร อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ บอกว่า ตนคิดว่าตนตอบคำถามเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่งแล้ว แล้วพอเห็นใบคะแนนของตน ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สูง สมควรจะได้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ตนก็มองว่าคนที่เข้ารอบไม่ถูกต้อง เลยทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็นในคลิป
โดยตอนที่จับไมค์บนเวที หลังคุยกับกรรมการด้านล่าง ตนพูดว่าตนและน้องอีก 4 คนผ่านเวทีการประกวดมามาก ทุกคนรู้จักแพ้รู้จักชนะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมเลย เพราะพวกตนคิดว่าทำดีที่สุด ควรได้เข้ารอบ 5 คน
น้องอร เผยอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บั่นทอนจิตใจทุกคนที่อยู่บนเวที ส่วนตนลึก ๆ แล้วก็รู้สึกกลัวสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ตนกลับมาถึงบ้านตอนกลางคืนก็ยังกลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะกลายเป็นกระแสด้านลบ กังวลว่าชีวิตของตนต่อจากนี้จะอยู่ได้ไหมในวงการนางงาม แต่พอตื่นมาก็เห็นคอมเมนต์การให้กำลังใจจากเพจต่าง ๆ รวมถึงเมื่อคืนที่หลังเวทีก็มีคนมาให้กำลังใจตนจำนวนมาก ทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ตนทำ มันเป็นพลังบวกให้ตนและน้อง ๆ ทุกคน ตนอยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ตนก็จะเดินตามความฝันต่อไป เพราะประกวดนางงามมา 4-5 ปีแล้ว และนี่คือสิ่งที่ตนรัก จึงอยากจะทำต่อจริง ๆ
เมื่อถามว่าสุดท้ายเรื่องราววุ่นวายจบลงได้อย่างไร น้องซาร่า สุภัสสรา สุปัญญา นางงามที่ร่วมเวทีนี้อีกคน เปิดเผยว่า มีการประชุมกันกับทุกฝ่าย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันให้ยุติธรรมและแฟร์ที่สุด ซึ่งตอนนั้นดึกมากแล้ว อีกทั้งสภาพจิตใจของเหล่านางงามก็ไม่ไหวแล้ว ย่ำแย่มาก ๆ ในที่สุดผู้ใหญ่ก็สรุปว่า ให้นำเงินรางวัลทั้งหมดแบ่งให้ 10 คนสุดท้ายเท่า ๆ กัน ซึ่งเท่ากับนางงามจะได้คนละ 20,000 บาท จากเงินรางวัล 200,000 บาท
ทางด้านผู้อำนวยการกองประกวด “นางสาวสมิหลา 2563” นายแพทย์ปวริศ หะยีอามะ อธิบายถึงเรื่องราวถึงการประกวดเมื่อคืน เป็นการคัดสาวงามจาก 10 คน เหลือสาวงามเข้ารอบ 5 สุดท้าย ตนในฐานะผู้อำนวยการ และมีประสบการณ์ด้านการจัดงานประกวดนางงาม เป็นผู้จัดเวทีการประกวดเวที “มิสแกรนด์สงขลา” มาก่อน จากเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้น มีการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว และเรื่องราวจบลงด้วยดีในการแบ่งเงินรางวัลทั้งหมด 2 แสนบาท แบ่งเงินให้ทั้ง 10 คน คนละ 20,000 บาท และเพิ่มให้ผู้ที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย
เกณฑ์การตัดสินที่คณะกรรมการตัดสิน คือ เราต้องการยกระดับให้สู่สากลมากขึ้น ปีนี้เปลี่ยนไปมากกว่าทุก ๆ ปี เราอยากได้ผู้หญิงที่มีความสวยจากข้างใน แบบว่าถ้าล้างหน้าก็สวยอยู่ หน้าสดก็สวยแบบนี้ที่เราต้องการ และสามารถนำไปต่อยอดได้ มีสมอง มีทัศนคติที่ดี มีความสามรถรอบด้าน มีเอกลักษณ์ มีอัตลักษณ์ในความเป็นสงขลาอย่างเพียบพร้อม สรุปง่าย ๆ คือ เป็นนางงามสวย มีสมองพร้อมใช้ 5G เพื่อสู่สากล
เราดูตั้งแต่เข้าร่วมการประกวดตั้งแต่วันแรกที่มีการเดินชุด “บานง” เป็นชุดพื้นเมืองประยุกต์ ปีนี้ปรับเยอะ งดการพอกผิว ให้แค่ BB ครีม และจนมาถึงการตอบคำถามในรอบ 10 คนสุดท้าย เป็นคำถามที่ดูทัศนคติที่สุดว่าใครจะสวยและมีสมองแบบพร้อมใช้ที่สุด
ถามว่าทำไมบางคนได้คะแนนเยอะถึงไม่เข้ารอบ นายแพทย์ปวริศ ยอมรับว่า ผลคะแนนที่ได้เห็นกันจากใบกระดาษ เป็นผลคะแนนจากการโหวต จากคณะกรรมการทั้ง 9 คน อันนั้นไม่ใช่ใบคะแนนทั้งหมดที่ต้องเอามารวมกับด้านอื่น เช่น ความสวย 60% และตอบคำถามอีก 40%
คำถามคือ “ถ้าหากโลกต้องถึงคราวแตกสลาย และคุณมีโอกาสที่จะอพยพคนออกไปอยู่ดาวดวงใหม่ในจำนวนจำกัด คุณคิดว่าบุคคลกลุ่มไหนควรได้รับโอกาสนั้น และตัวคุณจะอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด?” คำถามนี้เพื่อประเมินทัศนคตินางงาม ความรวดเร็ว กรรมการมีในใจของตัวเองแล้วก็ลงคะแนนโหวตว่า ยกมือให้ใคร หลังจากโหวตแล้วก็ต้องมีวิเคราะห์จากกรรมการภาพรวมในเรื่ององค์ประกอบต่าง ๆ
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรามาช่วยเวที เพราะอยากเห็นเวทีนี้ดังมากขึ้นและสู่สากลมากขึ้น ยืนยันว่าเราเป็นกลางและโปร่งใสที่สุด ความคิดเห็นของคณะกรรมการทั้ง 9 ท่านถือเป็นที่สิ้นสุด เสียใจกับข่าวที่ออกไป เราขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดในเวทีของจังหวัดสงขลา ไม่ว่าเวทีอะไร เราขอไม่รับอีกแล้ว