สำหรับเรื่องราวที่ร้อนแรงในโลกโซเชี่ยล และกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเลยก็คือ การประกวดนางสาวสมิหลา 2020 รอบชิงชนะเลิศ ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ณ เวทีสระบัว แหลมสมิหลา จ.สงขลา เนื่องจากมีนางงามที่เข้าประกวดบุกขึ้นเวทีแล้วคว้าไมค์เพื่อทวงถามความยุติธรรมจากคณะกรรมการถึงสาเหตุที่ตกรอบ เพราะมั่นใจว่าทำคะแนนได้ดีระดับหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “ผู้จัดงานนางสาวสมิหลา” น้อมรับความผิดพลาด กรรมการคัดสวยและต้องมีสมอง
- ตุ้บแรงค้านสายตา! ดราม่านางงามแหกเวทีสมิหลา 2020 เคลียร์จบไม่มีผู้ชนะ หารเงินรางวัล 10 คนสุดท้าย
ในกรณีที่เกิดขึ้น เราได้มีโอกาสไปพูดคุยกับนางงามชุดชมพูที่เป็นคนดึงไมค์มาพูด ตามคลิปที่เผนแพร่อยู่ในโลกโซเชี่ยล รวมถึงนางงามที่อยู่บนเวทีดังกล่าว พร้อมทั้งพี่เลี้ยงนางงามด้วย
โดยก่อนอื่นเราได้ถามพี่เลี้ยงนางงามว่าทำไมถึงตัดสินใจส่งนางงามเข้าประกวดในเวทีนี้ คุณมณฑล ก็เผยว่าเป็นสัญญาใจ ที่ปีหนึ่งต้องประกวดหนึ่งครั้ง แล้วตนมาทุกปี อย่างต่ำๆก็ประมาณ 10 กว่าปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมากไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย โดยเรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากมีการประกาศรายชื่อเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ปรากฎว่ามีใบคะแนนหลุดออกมา เหมือนที่เห็นกันในโซเชี่ยล ทำให้เป็นที่มาของการวีนอย่างคลิปที่ถูกเผยแพร่ ตนบอกตรงๆเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้
จากนั้นก็ได้ถามนางงามชุดชมพูที่เปิดศึกแย่งไมค์จากพิธีกร เธอชื่อ น้องอร อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ โดยถามเธอว่ารู้สึกว่าผลการตัดสินไม่เป็นธรรมใช่ไหม เจ้าตัวก็บอกว่า ตัวเองคิดว่าตอบคำถามเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่งแล้ว แล้วพอเห็นใบคะแนนของตนก็อยู่ในเกณฑ์ที่สูง สมควรจะได้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ตนก็มองว่าคนที่เข้ารอบไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เลยทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็น
โดยตอนที่จับไมค์ ตนพูดว่า ตนและน้องอีก 4 คนผ่านเวทีการประกวดมาเยอะ ทุกคนรู้จักแพ้รู้จักชนะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมเลย เพราะพวกตนคิดว่าทำดีที่สุด ควรได้เข้ารอบ 5 คน
น้องอร เผยต่ออีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้บั่นทอนจิตใจทุกคนที่อยู่บนเวที ส่วนตนลึกๆก็รู้สึกกลัวสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ ตนกลับมาถึงบ้านตอนกลางคืนก็ยังกลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะกลายเป็นกระแสด้านลบ กังวลว่าชีวิตของตนต่อจากนี้จะอยู่ได้ไหมในวงการนางงาม แต่พอตื่นมาก็เห็นคอมเม้นต์การให้กำลังใจจากเพจต่างๆ รวมถึงเมื่อคืนที่หลังเวทีก็มีคนมาให้กำลังใจตนเยอะมาก ทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ตนทำ มันเป็นพลังบวกให้ตนและน้องๆทุกคน ตนอยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ (ยกมือไหว้) ตนก็จะเดินตามความฝันต่อไป เพราะประกวดนางงามมา 4-5 ปีแล้ว และนี่คือสิ่งที่ตนรัก เลยอยากจะทำต่อจริงๆ
เมื่อถามว่าสุดท้ายเรื่องราววุ่นวายจบลงได้ยังไง น้องซาร่า สุภัสสรา สุปัญญา นางงามที่ร่วมเวทีนี้อีกคนก็เผยว่า มีการประชุมกันกับทุกฝ่าย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ให้ยุติธรรม และแฟร์ที่สุด ซึ่งตอนนั้นดึกมากแล้ว อีกทั้งสภาพจิตใจของเหล่านางงามก็ไม่ไหวแล้ว ย่ำแย่มากๆ ในที่สุดผู้ใหญ่ก็สรุปว่า ให้นำเงินรางวัลทั้งหมด มาแบ่งให้ 10 คนสุดท้ายเท่าๆกัน ซึ่งเท่ากับนางงามจะได้คนละ 20,000 บาท จากเงินรางวัล 200,000 บาท และเมื่อถึงความรู้สึกของน้องซาร่า เธอก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ปล่อยโฮ แล้วพูดออกมาว่า ตนชื่นชอบการประกวดมากๆ อยากจะขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ต ตนจะเดินตามความฝันต่อไป
ทั้งนี้ คุณมณฑล พี่เลี้ยงนางงาม ได้เผยว่า ก่อนมีข้อสรุปนี้ ทางผู้ใหญ่ได้เสนอว่า ค่อยมาประกวดกันใหม่ในอีก 2 วัน โดยเปลี่ยนกรรมการชุดใหม่เลย ตนมองว่าเป็นไปไม่ได้เพราะพวกตนมาจากต่างจังหวัดกันหมด ค่าใช้จ่ายก็จะบานปลายไปอีก แล้วอีกอย่างคุณไม่แฮปปี้กับนางงามชุดนี้แล้ว คุณคิดว่าจัดอีกมันจะแฮปปี้หรอ ก็เลยไม่ประกวดต่อดีกว่า ให้มันสิ้นสุดแบบนี้ ทุกคนได้ครองตำแหน่ง เงินรางวัลก็แบ่งกัน ซึ่งมันเป็นทางออกที่ดีแล้ว ก็เรียกว่าหายเหนื่อย
สุดท้ายเมื่อถามว่า หากจังหวัดสงขลาจัดอีกจะมาประกวดไหม พี่เลี้ยงนางงาม ก็ขอตอบแทนน้องๆว่า ถ้าเปลี่ยนทีมผู้จัด ก็พร้อมที่จะมา เพราะเวทีนี้ศักดิ์สิทธิ์แล้วก็มีมาอย่างยาวนาน แต่ถ้ายังเป็นทีมเดิมความรู้สึกที่มีต่อกันและกันก็ไม่ดีแล้ว ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ใจดีของจังหวัดงานจะไม่เกิดขึ้น แล้วถ้าไม่มีเรื่องราวแบบนี้งานก็จะไม่พัง ตนอยากจะฝากบอกถึงผู้จัดงานทีมต่อไปว่า ทุกคนมาด้วยใจ อยากให้ปรับปรุงสิ่งที่ผิดพลาด เพราะหากผู้จัดไม่มีนางงามเข้าประกวด งานก็ไม่เกิดขึ้น ตัวนางงามเองหากไม่มีผู้จัดก็จะไม่มีเวทีไปเดิน เพราะฉะนั้นมันเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า มันต้องช่วยกัน จะได้อยู่อย่างสวยงามต่อไป การแข่งขันมีแพ้มีชนะพวกตนรับได้อยู่แล้ว
