ช่วงกระแสโควิดระบาดหนักๆ หลายคนถึงกับกุมขมับเพราะต้องหยุดงานยาวๆ แต่คู่ของ "นุ่น รมิดา ประภาสโนบล" และ "หลุยส์ สก๊อต" ใช้ช่วงเวลานี้เป็นฤกษ์ดี แต่งงานไปแบบเรียบง่ายอย่างแฮปปี้ แต่...ไม่วายมีเรื่องลุ้นต่อ เพราะตอนนี้ทั้งคู่ก็เริ่มสร้างบ้านรอทายาทแล้ว แต่จะทำท่าไหนก็ยังไม่มีวี่แววคุณลูกมาอยู่ในท้องสักที งานนี้นุ่นเลยของมาเปิดใจทั้งเรื่องรัก เรื่องลูก เรื่องบ้าน ในรายการ ต้มยำอมรินทร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เบนซ์ ปุณยาพร" ประกาศลั่นปีหน้าแต่งแน่!! แม้ไร้วี่แววเจ้าบ่าวก็ตาม
-"อาไท กลมกิ๊ก" จากตลกสู่นักบู๊ ศิษย์คนสุดท้ายของ "พันนา ฤทธิไกร"
- "เพชร กรุณพล" เปิดใจรักต่างวัย 21 ปี ไม่เป็นปัญหา คนนี้รักจริงหวังแต่ง!
- "อร อรอนงค์" คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจสุดแกร่ง เผยชีวิตนี้ที่เหลืออยู่ ขอทุ่มเทเพื่อลูก
- "ชมพู่ ก่อนบ่าย" เผยหลังมีลูก ชีวิตคู่ไม่เหมือนเดิม!!!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ช่วงโควิดที่ผ่านมา เพึ่งมีข่าวดี แต่งงานแล้วสนุกไหม
นุ่น : จะตอบว่าสนุกตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วค่ะ
ถาม กี่ปีแล้วที่คบกับหลุยส์
นุ่น : จริงๆ ไม่เคยนับค่ะ เพราะว่าไม่เคยรู้ว่าเราคบกันจริงๆ เมื่อไหร่ น่าจะประมาณ 13-14 ปี
ถาม คือเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วเราไม่รู้ว่าความรู้สึกมันไปพัฒนาตั้งแต่เมื่อไหร่แบบนี้เหรอ
นุ่น : มันเหมือนรู้กัน แต่ไม่พูดว่าแบบใช่ไหม บางทีอีกคนพูดว่าสรุปเราเป็นอะไรกัน แล้วแบบจะไปเลยอะไรแบบนี้ มันก็เลยต่อเนื่องอย่างนั้นกันไปเรื่อยๆ จนมาวันนึงนักข่าวถามว่า “หลุยส์จีบนุ่นเหรอ” เราก็แบบเป็นเพื่อนกัน แต่ว่าพอสุดท้ายไปถามฝั่งผู้ชาย เขาก็ตอบว่า “คุยๆกันอยู่” เราก็เลย อะ...แสดงว่านั้นคือคำว่าเป็นแฟนกันแล้ว คบกันแล้วอะไรแบบนี้ มันก็เลยเริ่มชัดเจน
ถาม แสดงว่ามันมีช่วงคลุมเครือ มีช่วงที่แบบตกลงเขาจีบไหมวะ?
นุ่น : มีค่ะ แต่ก็ไม่กล้าถาม กลัวหน้าแตก ฉันสวยมาก ถามผู้ชายจีบฉันเปล่าอะไรแบบนี้ แล้วถ้าผู้ชายบอกว่า “เปล่า” เขาคิดเพื่อนอะไรแบบนี้
ถาม มันไม่มีสัญญาณชัดๆแบบนี้ไหม ?
นุ่น : มันมี แต่ไม่กล้าเข้าข้างตัวเองว่ามันใช่
ถาม ใครปิ๊งใครก่อน
นุ่น : หนูคิดว่าเขา เพราะหนูไม่ได้เป็นคนโทรหาเขาก่อน คือเราทำงานอยู่ที่เดียวกัน เราอยู่บริษัทเดียวกัน เราเคยออกงานร่วมกัน แต่ว่าเราพูดคุยกันน้อย แต่พอเราเริ่มทำงานด้วยกันเยอะๆ ขึ้น เราคุยกันเยอะขึ้น แล้วนุ่นก็สไตล์ผู้ชายๆ คือคุยกับทุกคนได้ง่าย แล้วก็เลยกลายเป็นเหมือนเขาคุยกับเราได้เร็วขึ้น แล้วอยู่ๆ เค้าก็ให้ AR ที่ดูแลเรา ที่เราสนิท โทรหาเรา แล้วก็ให้ส่งสายให้เขาคุยกับเราอย่างนี้ เราก็ เอ้า...พี่..พี่จะโทรหาหนูทำไม เพื่อนเรียนที่เดียวกันก็ไม่ใช่ เที่ยวร้านเดียวกันไหมก็ไม่เคย มันก็แค่อยู่บริษัทเดียวกันเล่นละครด้วยกันไหมก็ไม่เคย แล้วอยู่เฉยๆ โทรหาตอนดึกทำไม
ถาม ไลฟ์สไตล์ตรงกันด้วยใช่ไหม ถึงคบกันได้นาน ?
นุ่น : ตอนแรกไม่ได้ตรงกันหรอก นางเป็นฟีลเด็กลูกครึ่ง ในกลุ่มเพื่อนฝรั่งหมด ก็จะแบบลุยๆ อยู่แล้วแหละ แต่อย่างเรา เราโตจากต่างจังหวัด แล้วทุกอย่างเราทำได้หมดไง ลุยก็ได้ อยากสบายก็ยังอยาก แต่พอมาคลิกกัน ซ้อนมอเตอร์ไซค์ ไปเดินป่า ไปแคมปิ้งมันทำได้หมด แต่พอโตขึ้นมารู้เลยว่า จริงๆ เราก็ชอบแบบนั้นแหละ ชอบที่จะแบบเอาตัวเองไปลำบาก
ถาม แต่หลังแต่งงานแล้ว เห็นบอกว่า หลุยส์ เปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปยังไง
นุ่น : เปลี่ยนแค่ว่าความชัดเจนในความอ่อนไหวมันมากขึ้น อย่างเมื่อก่อน เขาจะทำอะไร ไปไหนกับเรา ไปส่งเราที่กองถ่าย เขาจะแค่มาส่ง เขาก็แค่นั่งรอในรถ ไม่ได้ลงมาด้วย แต่ตอนนี้เหมือนตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกกดดันแล้ว ไปไหนมาไหน ตอนนี้เขาก็ไปรับไปส่งเรา เขาก็ลงมาด้วยโดยที่ไม่รู้สึกเขินอายอะไร เปิดเผยมากขึ้น
ถาม จริงหรือเปล่าที่ สามี ติดหนักมากตอนนี้
นุ่น : ก็ติดกันทั้งคู่ค่ะ เวลาเราไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด
ถาม ตัวติดกันขนาดนี้ เพราะเห็นว่ากำลังอยู่ในระหว่างการผลิตทายาท
นุ่น : หลังจากแต่งงาน เราก็พยายามกันค่ะ หมายถึงว่าเราก็รู้ว่าจังหวะนี้มันเป็นจังหวะที่ดี รับละครมาแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเปิดเมื่อไหร่ แต่ว่ายิ่งพยายาม มันยิ่งทำให้เราเครียด พอสิ้นเดือนนี้นุ่นจะถ่ายละครแล้ว เราก็เลยเหมือนแบบลองกันหน่อย คือเพื่อนชอบพูดว่าแกอย่าซีเรียส คนท้องต้องไม่ซีเรียส คนจะท้องต้องไม่คิดว่าท้อง คนจะท้องไม่ต้องคิดว่าฉันกำลังจะทำหรืออะไรอย่างนี้ เพราะว่าก่อนหน้านั้น ความตลกของนุ่นคือนั่งนับวันไข่ตก พอถึงเวลาก็จะสะกิดหลุยส์ แล้วหลุยส์แบบโอ๊ย!!!
ถาม แล้วเราไปหาหมอไหม?
นุ่น : ไม่ค่ะ เพราะหนูกับบ้านพี่บอย พิษณุ ขิงใส่กันอยู่ ก็คือบ้านนั้นเขาก็ทำ เวลาเราเจอกันอย่างนี้ เขาก็จะเล่าให้ฟัง “พี่ไปเช็คมาแล้วนะ ลูกพี่อะ วิ่งวนเป็นวงกลม” แล้วหนูก็บอก แล้วพี่ได้หาหมอกินยาไหม? เขาบอก “กิน” แล้วกินยา แล้วเป็นยังไง? “มันวิ่งวนเร็วกว่าเดิมอีก”
ถาม ตั้งใจถึงขนาดว่าไปวัดไหน ก็ไปไหว้อธิษฐานขอลูกตลอดเลยจริงเหรอ
นุ่น : ฝั่งผู้หญิงจะแบบเยอะกว่าผู้ชายนิดนึง ในเรื่องของการอยากมีลูกมากๆ ยิ่งช่วงนี้เราถ่ายรายการยูทูปของเรา เวลาเราไปที่ไหนเราไหว้พระ นุ่นก็จะไหว้ขอตลอด ทุกคนก็เลยจะแซวว่า “เดี๋ยวนี้มูเตลูขนาดนั้นเลยเหรอ” ก็ไหว้ทุกที่ค่ะ ทุกครั้งที่ไปไหว้ก็จะบอกว่า “ขอตั้งแต่เดือนนี้ถึงเดือนนี้ ถ้าหมดเดือนนี้ก็ไม่มาแก้แล้วนะคะ” เพราะไม่งั้นถ้าหนูท้องขึ้นมา เราไม่รู้ว่าเราจะแก้บนที่ไหนบ้าง เพราะเราไปเกือบทุกที่ แบบไปไหว้พระหรือศาลยกมือไหว้ก็ขอ ก็บอก คืออยากได้ลูกเหมือนกัน
ถาม แล้วก็เห็นว่าตอนนี้ก็กำลังจะสร้างเรือนหอแบบยิ่งใหญ่อลังการมาก ทุ่มทุนกว่า 50 ล้านบาท เพื่อเนรมิตบ้านในฝัน
นุ่น : ไม่ถึงขนาด 50ล้าน คนอย่างหลุยส์ สก๊อต ไม่มีทางใช้เงินเยอะขนาดนั้น
ถาม นี่จะบอกว่าผัวงกเหรอ?
นุ่น : งก (หัวเราะ) คือเขาเป็นคนใช้เงินเป็น เรานับถือเค้าในเรื่องนี้ค่อนข้างสูงมาก พอแต่งงานกันแล้ว เงินนุ่นก้อนใหญ่ๆ นุ่นให้เขาเก็บหมดเลย คือฝากเขาไว้เลย ทุกคนจะคิดว่านุ่นเก็บ อย่างบ้านเนี่ย ไม่ถึง 50 ล้านแน่ๆ เพราะว่าเราดูบ้านกันมาปีกว่า เพื่อเลือกบ้านที่เราอยากได้ที่สุด แต่เวลาหลุยส์ดู เขาไม่ได้ดูแค่บ้านใหญ่ เขาดูถึงขั้น ใช้อะไรทำ? อันนี้เท่านี้ราคาประมาณนี้แพงไป คือเค้าจะรู้หมดเลยว่าแบบมันไม่ควรถึง 50 ล้านหรอก หลังนี้ควรราคาประมาณเท่านี้ เพราะฉะนั้นนุ่นเลยค่อนข้างไว้ใจในวันที่เค้าเลือกซื้อบ้าน ซึ่งข่าวตีออกไปเยอะมากว่านี่มัน 40-50 ล้าน แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถามว่ามันก้อนใหญ่ที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ไหม “ใช่” มันเป็นภาระหน้าที่ ที่ค่อนข้างใหญ่ที่สุดตั้งแต่ทำมา
ถาม แต่จริงๆ แล้วมันคือการลงทุน มันไม่ใช่การฟุ่มเฟือยเลยนะ ถ้าซื้อบ้านมันเป็นสิ่งแรกที่ควรค่าแก่การที่จะลงทุนในชีวิตด้วยซ้ำในวันที่เราพร้อม
นุ่น : นุ่นมองว่าเราไม่ได้อยู่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ ปี 2 ปี มันอยู่เป็น 10-20 ปี แล้วสุดท้ายมันอาจเป็นมรดกไว้ให้ลูกก็ได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้เรามีแรงทำอยู่ เราก็เลยอยากซื้ออะไรที่มันไม่ต้อง “เดี๋ยวเล็กไป เดี๋ยวต้องไปซื้อใหม่” คืออยากให้มันอยู่ยาวๆ นานๆ ไปเลย