เรียกว่าใกล้คลอดเต็มที่แล้วสำหรับว่าที่คุณแม่ลูก 3 อย่าง “เบนซ์ พรชิตา” วันที่ (3 กันยายน 2563) ที่ผ่านมา ก็ออกมาอัพเดตว่าตอนนี้อายุครรภ์อีก 2 สัปดาห์ก็จะครบ 8 เดือนแล้ว โดยมีกำหนดคลอดลูกชายคนนี้ในวันที่ 25 ตุลาคม 2563 ตามฤกษ์ที่ได้ดูเอาไว้ พร้อมเผยชื่อลูกคนสุดท้องคือ “น้องเปรม” แต่เห็นทีแล้วชื่อนี้จะแอบขัดใจ “น้องปริม-น้องปราง” อยู่เบาๆเพราะพี่น้องคู่นี้เขาอยากให้น้องคนที่ 3 ชื่อ “ปุ้ย” พร้อมเปิดใจว่าถ้าคนที่ 3 คลอดออกมาแล้ว ตัวเองจะดูแลไม่ทัน ก็คงจะแบ่งไปให้พ่อมิคสัก 1 คน ซึ่งดูจากความแสบแล้วก็คงจะเป็น “น้องปรางค์” ลูกสาวคนกลางของบ้าน แต่ก็แอบหวั่นๆว่าจะพาเอาคุณพ่อไม่ได้นอนไปด้วยแล้วส่งผลกระทบต่อเวลาทำงานอีก จึงแอบคิดหนักพอควร
งานนี้ก็เลยอัพเดตพัฒนาการความแสบของ “น้องปรางค์” หลังเข้ารับการตรวจ MY DNA ด้วยลายนิ้วมือ ว่าทุกอย่างเหมือนโคลนนิ่งพ่อมาเป๊ะ ทั้งอุปนิสัยที่มีความเซนซิทีฟ เอาแต่ใจตัวเองและมีความเป็นผู้นำนั่นเอง ส่วนแพลนส่งเข้าโรงเรียนก็คงเป็นช่วงปีหน้า (พ.ศ.2564) เพราะต้องรอให้ครบ 2 ขวบก่อน โรงเรียนถึงจะรับเข้าไป ด้านการวางแผนสำหรับลูกคนที่ 3 แม่เบนซ์ก็ถึงกับบ่นเลยว่าเหนื่อยมาก เพราะมาท้องในช่วงอายุ 40 ปี ถ้าออกมาแล้วซนมากๆ ก็ควต้องพึ่งพ่อมิคช่วยเลี้ยงแล้วแหละ
พร้อมกันนี้แม่เบนซ์ก็อัพเดตอาการเลือดไหลในมดลูกว่าตอนนี้ยังคงต้องดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะยังคงมีปัญหาเรื่องท้องแข็งผิดปกติเวลาขยับตัวหรือยืนานๆ เสี่ยงที่จะส่งผลให้คลอดเร็วก่อนกำหนด ซึ่งต่างไปจากการตั้งครรภ์เมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมาที่ไม่มีอาการเหล่านี้ แน่นอนว่าด้วยเหตุผลนี้ทำให้ตนต้องลดการอุ้มลูกทั้ง 2 คนไปก่อน ซึ่งก็มีบางครั้งที่เด็กๆอาจจะเกิดความคิดถึงโมเมนต์การถูกคุณแม่อุ้มนั้นเอง แม่เบนซ์จึงพยายามที่จะหากิจกรรมที่จะได้อยู่ใกล้ลูก กอดลูก อุ้มลูกอยู่บ้านนั้นก็คือเวลาที่ลงสระว่ายน้ำก็จะสามารถทำได้
รวมถึงมีเหตุการณ์ที่ทำให้พ่อมิกถึงกับวิตกกังวลหนัก เพราะมีบุคคลปริศนาพยายามโทรและส่งข้อความมาบอกว่า “ตนฝันว่าพี่เบนซ์คลอดลูกแล้ว อยากให้ระวังตัว เพราะอยู่ๆดีก็ฝันว่าคลอด” หรือ “อยากให้มิคดูแลเบนซ์ดีๆ เพราะรู้สึกว่าท้องนี้จะมีปัญหา” งานนี้พ่อมิคก็คิดหนักไปกันใหญ่ ถึงขั้นที่ทำให้ตัวเองต้องไปปรึกษาคุณหมอเพราะว่าอยากที่จะใช้ชีวิตเต็มร้อยเหมือนเดิม
นอกจากนี้แม่เบนซ์ยังบอกอีกว่ามีแพลนที่จะทุบและรีโนเวทบ้านใหม่หลังคลอดลูกคนที่ 3 ได้ประมาณ 2 ปี อยากให้ลูกคนสุดท้องแข็งแรงก่อน เพราะโครงสร้างเดิมของบ้านตอนนี้ไม่มีห้องแยก ทุกคนนอนด้วยกัน แถมในห้องนอนก็ยังไม่มีหน้าต่างอีกด้วย จึงกลัวว่าอากาศจะถ่ายเทไม่สะดวก แต่ผนังฝั่งหนึ่งจะติดกับห้องนั่งเล่น ซึ่งถ้าอยากให้มีการระบายอากาศก็ต้องเปิดหน้าต่างของห้องนั่งเล่นอีกที บวกกับแอบสงสารลูกที่เห็นว่าพื้นที่วิ่งเล่นเริ่มแคบลงถ้าเทียบกับเด็กๆทั้ง 3 คน
