เมื่อวันที่ 4 ก.ย.63 เวลา 16.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รายงานบรรยากาศหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ในนามกลุ่ม "มศว.คนรุ่นเปลี่ยน" รวมตัวจัดกิจกรรมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้ชื่อกิจกรรม "ล้างบาปตำรวจไทย" เพื่อร่วมกันทำความสะอาดทางเท้าหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล้างความอับอายของวงการตำรวจไทย และบอกถึงหน้าที่ที่แท้จริงของตำรวจ ขณะที่บรรยากาศการรักษาความปลอดภัย มีตำรวจ สน.ปทุมวัน ประมาณ 20 นาย เข้ามาดูเเลความเรียบร้อยในพื้นที่
โดยตัวแทนที่เข้าร่วมกิจกรรม คือ นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ เเละนายณวรรษ เลี้ยงวัฒนาแอม ระบุว่า ป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยมีมลทินเมื่อครั้งการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ศักดิ์ศรีตำรวจถูกกระทำย่ำยี วันนี้จึงมาล้างรอยความสกปรกเหล่านั้น พร้อมย้ำว่า ตำรวจต้องทำหน้าที่โดยยืนเคียงข้างประชาชน
แม้จะเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติตามหน้าที่ และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาในลักษณะนายสั่งมา แต่เชื่อในตำรวจระดับปฏิบัติการว่า จะเลือกทำหน้าที่เพื่อยืนเคียงข้างประชาชนที่ออกมาแสดงออก ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม
ดังนั้นจึงขอสื่อสารไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะในระดับปฏิบัติการว่า การเลือกปฏิบัติไม่ควรเกิดขึ้น รวมถึงการดำเนินการตามคำสั่งนายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจะต้องไม่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีวิจารณญาณ เพราะถือเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิจารณาได้ ว่าถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเลือกที่จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องไม่ปฏิบัติตาม
นายสิรภพ ยังตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมว่า มีการบังคับใช้ในลักษณะ 2 มาตรฐานหรือไม่ โดยไล่เรียงตั้งแต่การชุมนุมในอดีต จนถึงปัจจุบัน ทั้งที่เป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน แต่การใช้งานมีความแตกต่างกัน แกนนำบางกลุ่มบางพวกมักได้รับการยกเว้น ขณะที่แกนนำอีกหนึ่งกลุ่มกลับถูกดำเนินคดี และถูกจับกุมคุมขัง
จึงชวนตั้งคำถามว่า รัฐบาลนี้มีการบังคับใช้กฎหมายภายใต้บรรทัดฐานหรือมาตรฐานทางกฎหมายบรรทัดฐานเดียวกันหรือไม่ ซึ่งการที่ประชาชนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่ของกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย รวมไปถึงรัฐธรรมนูญของประเทศที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย
ในระหว่างทำกิจกรรม นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนาแอม ได้พยายามจะทำความสะอาดป้ายสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ แต่ถูกตำรวจห้าม ทำให้ตั้งคำถามกับตำรวจว่า สมัยการชุมนุม กปปส. มีการใช้เท้าเหยียบป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นการหมิ่นเกียรติตำรวจหรือไม่
ทางด้าน พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ตอบคำถามว่า ป้ายดังกล่าวมีผู้คอยทำความสะอาดอยู่แล้ว เเละผู้บังคับบัญชาก็กำชับว่า ไม่อนุญาตให้กระทำการใด ๆ ต่อป้าย เเต่ก็ขอขอบคุณที่มาทำกิจกรรม วันนี้ตำรวจก็ทำตามหน้าที่ ส่วนเรื่องการทำลายป้ายของกลุ่ม กปปส. นั้น มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดไปแล้ว
นายณวรรษ กล่าวอีกว่า ผู้ชุมนุมไม่อยากกระทบกระทั่งกับตำรวจ แต่หลายอย่างที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย ไม่ค่อยสมเหตุสมผล เช่นการควบคุมฝูงชน พวกตนเข้าใจว่ามีกลุ่มคนอารมณ์รุนแรง แต่พวกตนก็พยายามควบคุม ซึ่งต้องเข้าใจว่าหลายคนมีความหลากหลาย พวกตนไม่สามารถควบคุมคนได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องให้ตำรวจแสดงจุดยืนอยู่ข้างประชาชน และหยุดคุกคามประชาชน
โดยที่ผ่านมาผู้ชุมนุมมีการแจ้งชุมนุมทุกครั้ง แต่ก็ถูกดำเนินคดี ทำไมการทำงานของตำรวจค่อนข้างหลายมาตรฐาน บังคับใช้กฎหมายกับคนที่ไม่มีอาวุธ พวกตนเห็นว่าตำรวจไม่ควรมีการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 116 กับผู้ชุมนุม เพราะผู้ชุมนุมไม่ได้สร้างความกระด้างกระเดื่อง ยุยงปลุกปั่น แต่พวกตนต้องการให้ประเทศมีรัฐธรรมนูญที่ถูกต้องและตรวจสอบได้
ในเวลาต่อมา 17.00 น. ผู้ชุมนุมได้นำน้ำยาเช็ดกระจกมาฉีดป้ายสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ ทำให้เกิดชุลมุนเล็กน้อย ซึ่งทางตำรวจไม่ยินยอมให้เช็ด ตัวเเทนผู้ชุมนุมจึงยื่นข้อเสนอให้ตำรวจ กล่าวคำปฏิญาณตนที่ปฏิญาณทุกวันว่าจะทำเพื่อประชาชน เเต่ทางตำรวจระบุว่า ไม่จำเป็นต้องทำตาม เพราะคำปฏิญาณมีการกล่าวทุกวันอยู่เเล้ว
จากนั้นเวลา 17.30 น. ตัวเเทนผู้ชุมนุมได้ยืนชู 3 นิ้ว โดยระบุว่า หากในเวลา 18.00 น. ไม่สามารถเช็ดป้ายสำนักงานตำรวจเเห่งชาติได้ จะกลับมาอีกครั้ง เพื่อทวงความยุติธรรม และคนจะมีจำนวนมากกว่าเดิม พร้อมตะโกนว่า "เราจะไม่หยุดจนกว่าอำนาจมืดจะหมดไป" จนกระทั่งเวลา 18.00 น. ได้ยืนชู 3 นิ้ว เคารพเพลงชาติ ซึ่งทางตำรวจยังไม่ยินยอมให้เช็ดป้าย ตัวเเทนกลุ่มจึงมีการเช็ดเเบบจำลอง โดยการฉีดสเปรย์เช็ดกระจกใส่ ทางตำรวจที่ยืนขวางป้าย เเล้วใช้ผ้าทำท่าเช็ดกลางอากาศ