ที่สุดแห่งรักแท้ "พ่อรอง-แม่ทุม" คู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่เคียงข้างกันมานานกว่า 52 ปี จนวาระสุดท้ายของชีวิต
วันนี้ (7 ก.ย.) วงการบันเทิงตื่นมาพบกับความเศร้า เมื่อต้องสูญเสีย "แม่ทุม ปทุมวดี เค้ามูลคดี" ภรรยาของ "พ่อรอง เค้ามูลคดี" ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 72 ปี หลังต่อสู้กับอาการป่วยจากโรค ALS (กล้ามเนื้ออ่อนแรง) และไทรอยด์เป็นพิษมานานร่วม 8 ปี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดอาลัย "แม่ทุม" เสียชีวิตแล้ว หลังสู้อาการป่วย ALS -ไทรอยด์ นานหลายปี
- “พ่อรอง เค้ามูลคดี” ถูกหามส่งโรงพยาบาลด่วน!! หลังวูบคาห้องพระ!!
หากย้อนกลับไปในวัยหวาน พ่อรองกับแม่ทุมนั้นเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อน จากนั้นเมื่อเรียนจบจึงได้แยกย้ายกันไปทำงานที่ต่างๆ จนครั้งที่แม่ทุมได้ไปร้องเพลงรายการหนึ่งแล้วเจอพ่อรองทำงานอยู่ทีวีช่อง 4 บางขุนพรมหมเป็นนักพากษ์ ก็ยังคุยกันเหมือนเพื่อนทั่วไป
แม่ทุมนั้นมีนิสัยเป็นคนโผงผางซึ่งผู้หญิงสมัยก่อนไม่ค่อยมีนิสัยนี้มากเท่าไหร่นัก พ่อรองจึงประทับใจในตัวแม่ทุม จากความเป็นเพื่อนสนิทกันเรื่อยๆ จนพ่อรองขอแต่งงานประมาณ พ.ศ. 2509 ในที่สุด จนทั้งสองมีลูกด้วยกันหนึ่งคนคือ ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี หรือยุ้ย และมีบุตรบุญธรรมอีก 2 คน
จนมาถึงพ.ศ. 2548 แม่ทุมป่วยเป็นโรคไทรอยด์จนร่างกายผ่ายผอม จากเดิมที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน จึงอาศัยโอกาสนี้เข้าทำศัลยกรรมพลาสติก จนหน้าตาผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยขึ้นแต่นั้นเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆจากโรคไทรอยด์ ที่เกิดขึ้น ต่อมา พ.ศ. 2555 แม่ทุมเริ่มผ่ายผอมจากอาการป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษอีกครั้ง ทำให้น้ำหนักตัวที่เคยมี 60 กิโลกรัม ลดลงเหลือ 36 กิโลกรัม และมีภาวะจำอะไรไม่ได้ และเป็นโรค ALS ในที่สุด
และหลายครั้งที่อาการของแม่ทุมอยู่ในขั้นอันตรายแต่ด้วยความรักของพ่อรอง ก็ทำให้อาการของแม่ทุมกลับมาดีขึ้นอีกครั้งสลับอยู่อย่างนี้เป็นเวลาหลายปี จนมาถึงปี 2560 อาการของแม่ทุมทรุดลงเรื่อยๆ จนต้องใช้ค่ารักษาที่มากขึ้น ในที่สุดพ่อรองจึงยอมขายบ้านหลังใหญ่ แล้วย้ายครอบครัวไปอยู่บ้านหลังเล็กแทน และถึงแม้ว่าพ่อรองจะป่วยก็ยังต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาแม่ทุม ที่สำคัญทุกครั้งที่ไปเยี่ยมก็จับมือ หอมแก้ม แล้วก็บอกว่า "พ่อรักแม่นะ" และหวังว่าจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นสักครั้ง
แต่แล้ว ปาฏิหารย์ก็ไม่มีจริง เมื่อสรรเสริญ เค้ามูลคดี ผู้เป็นลูกชายได้โพสต์รูปคู่กับแม่ทุม และข้อความลงในอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า “นางฟ้าของฉันกลับสู่สรวงสวรรค์แล้ว”