ลุงจรูญชี้ พยานช่วยคดีผวาตร.เลยไม่ให้การ รับแก่แล้วจำไม่ได้ขับรถคันไหนไปซื้อหวย (คลิป)

จากกรณีหวยอลเวง 30 ล้านบาท ภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรรภาค 7 ชี้ชัดว่า เจ้าของลอตเตอรี่เป็นของนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษฯ เนื่องจากมีพยานบุคคลยืนยันว่า พบเห็น ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจก้มเก็บลอตเตอรี่ และจะมีการแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ และรับของโจร ซึ่งต่อมา ร.ต.ท.จรูญ ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการท้าสาบาน แต่ฝั่งครูปรีชา ไม่ตกลงนั้น

ล่าสุด วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ศาลหลักเมือง จ.กาญจนบุรี ร.ต.ท.จรูญ พร้อมด้วยครอบครัว และทีมทนายประชาชนฯ ได้เดินทางมาเพื่อกล่าวคำสาบาน เรื่องลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท เพื่อแสดงเจตนาว่า ตัวเองเป็นเจ้าของหวยตัวจริง ทาง ร.ต.ท.จรูญ พร้อมด้วยครอบครัว ได้จุดธูปจำนวน 16 ดอก พร้อมกับเข้าไปนั่งสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐานในศาลหลักเมือง ก่อนจะอ่านคำสาบานที่ตนร่างขึ้นมา มีใจความว่า "หากตนโกหกหรือไปขโมยลอตเตอรี่ใครมา ขอให้ไม่ตายดี ครอบครัว -ิบหาย ลูกหลานสาปแช่ง ชีวิตล่มจมเจอแต่ความหายนะไม่มีความสุข ทนทุกข์ทรมาน ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด สังคมประณามหยามเหยียด เป็นที่รังเกียจของคนในสังคม แต่หากพูดความจริงมาโดยตลอด และเป็นผู้โดนรังแก ขอให้ประสบความสำเร็จ เอาชนะหมู่มารได้โดยเร็ว ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญ" ขณะเดียวกัน ร.ต.ท.จรูญ ยังสาปแช่งผู้ที่กล่าวอ้างว่าลอตเตอรี่หาย แต่ไม่หายจริง พยานและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกตนไปเจรจาในบ้านพัก รวมถึงตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีว่า "หากกลั่นแกล้ง สร้างพยานเท็จขอให้บุคคลเหล่านี้ไม่ตายดี ครอบครัว -ิบหายวายป่วง" พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า "ไม่ขอถอนคำสาบานที่ได้กล่าวออกไปในวันนี้โดยเด็ดขาด" หลังจากสาบานเสร็จ ร.ต.ท.จรูญ ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าวว่า รู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ ส่วนการพูดสาบาน ถ้าหากใครพูดโกหกก็ขอให้เป็นไปตามที่ตนเองพูด ซึ่งขณะนี้ตนเองยังติดใจเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญเข้าไปพูดคุยอยู่เช่นกัน

ต่อมา "เจ๊เกียว" ผู้ค้าลอตเตอรี่ ที่กล่าวอ้างว่า เห็นการซื้อขายลอตเตอรี่ ระหว่าง นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ "เจ๊บ้าบิ่น" กับครูปรีชา ก็ได้เดินทางมาถึงศาลหลักเมือง เจ๊เกียว เปิดใจว่า ไม่ได้มีความกังวล และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ ร.ต.ท.จรูญ ก่อนจะเข้าไปจุดธูปสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐาน พร้อมกล่าวคำสาบานตามกระดาษที่ตัวเองได้ร่างคำสาบานมา หลังจากนั้นได้มีตัวแทน ส่งกระดาษคำสาบานที่ ร.ต.ท.จรูญ ร่างมาเพื่อให้ "เจ๊เกียว" อ่าน หลังสาบานเสร็จ เจ๊เกียว ยอมรับว่า สบายใจที่ได้มาสาบาน และยืนยันว่าไม่ได้ทำเป็นขบวนการ ที่ผ่านมาการค้าขายลอตเตอรี่ไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน หลังจากนี้ต้องอยู่ที่กระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งฝากว่า คนไม่ซื้อลอตเตอรี่แล้วไปขึ้นรางวัลได้อย่างไร และแม่ค้าที่ขายลอตเตอรี่ให้ ร.ต.ท.จรูญ ทำไมถึงไม่ออกมา แต่กลับมากล่าวหาว่า พวกตนทำเป็นขบวนการ พร้อมทั้งอยากถามกลับว่า ทำไมพวกตนต้องไปช่วยครูปรีชา ที่มีแต่หัวล้าน แต่ทางด้าน ร.ต.ท.จรูญ มีเงิน 30 ล้านบาท อยู่ในบัญชี สำหรับเรื่องก้มเก็บหวยตนไม่ทราบ จึงไม่อยากให้ข้อมูลดังกล่าว ส่วนพยาน 2 คน ของลุงจรูญ ที่อ้างว่าไปเดินตลาด และไปเจอ "เจ๊บ้าบิ่น" เสนอขายลอตเตอรี่เลขท้าย 26 ตนเชื่อว่าทั้ง 2 คน มาซื้อจริง แต่ซื้อหลังจากที่ "เจ๊บ้าบิ่น" ขายลอตเตอรี่ให้ครูปรีชา ไปแล้ว ซึ่งคาดว่าเจ๊บ้าบิ่น น่าจะอยากช่วย น.ส.พัชริดา พรมตา หรือ “ป้าพัช” ที่มีลอตเตอรี่เลขท้าย 26 เหลืออีก 2 ชุด แต่ไม่ทราบว่าเลขหน้าคืออะไร

ภายหลังจากที่ ร.ต.ท.จรูญ ได้ยื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนไปเป็นวันที่ 20 ก.พ. เรียบร้อยแล้ว ได้ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าว โดยระบุว่า วันที่ 31 ต.ค.ได้ไปซื้อลอตเตอรี่ที่ตลาดเรดซิตี้ แต่จำไม่ได้ว่าขับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ไปตลาด เพราะเรื่องนี้ผ่านมานานแล้ว แต่ตนมักเดินทางไปที่ตลาดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งวันเกิดเหตุหลังซื้อลอตเตอรี่ และซื้อกับข้าวเสร็จ ตนได้เดินทางกลับบ้านทันที ไม่ได้ไปไหนต่อ ส่วนสาเหตุที่แม่ค้าในตลาดเรดซิตี้จำหน้าตนไม่ได้ ตนไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะคิดว่าแม้จะจำไม่ได้ ก็ไม่น่าจะทำให้น้ำหนักในคดีอ่อน เพราะยังมีส่วนอื่นที่ใช้ประกอบคดีได้ ขณะที่กล้องวงจรปิด ตนเคยบอกให้ตำรวจไปตามหา เพื่อจะได้เห็นภาพว่าตนขับรถคันไหนไปตลาด และจอดรถที่จุดใด แต่ไม่มีการดำเนินการ

ร.ต.ท.จรูญ บอกอีกว่า ตนไม่เคยตรวจกล้องวงจรปิด ระหว่างทางจากบ้านไปตลาด แต่เคยถามเรื่องกล้องวงจรปิด กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ตู้ยามทางเข้าออกหมู่บ้านหลังเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถดูภาพย้อนหลังได้ เพราะขณะที่ไปถาม เวลาผ่านมากว่า 20 วันแล้ว ทั้งนี้พยานฝั่งตน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ทั้ง 3 คนเข้าให้ข้อมูล แต่ยังไม่ยอมเข้าพบตำรวจ ตนไม่ทราบเหตุผลเรื่องนี้ โดย 2 ใน 3 คน คือ คนที่ไปขอซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย 26 จากเจ๊บ้าบิ่น ซึ่งตนไม่เคยคุยโดยตรง แต่ตนคาดว่าอาจมีความกังวล และกลัวเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบ แต่เรื่องของพยานตนได้มอบหมายให้ทีมทนายดำเนินการทุกอย่าง จึงไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดส่วนของคดี

ด้าน นางลาวัลย์ วิมูล ภรรยาลุงจรูญ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนจำไม่ได้ว่าสามีขับรถคันไหนไปตลาด เพราะพวกตนอายุมากแล้ว และความจำอาจไม่ดี โดยไม่มีรถคันไหนที่ใช้ประจำ ถ้าหากวันไหนแดดร้อนก็จะใช้รถยนต์ แต่พวกตนมักเดินทางไปที่ตลาดบ่อยครั้ง แต่แม่ค้าอาจจำไม่ได้ เพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ได้เพียง 4-5 ปีเท่านั้น แต่การจำรถไม่ได้ คิดว่าไม่น่าจะทำให้น้ำหนักในคดีดูเบาลงแต่อย่างใด ตอนนี้ได้คุย และให้กำลังใจสามีตลอด

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ด้านหน้าทางเข้าออกหมู่บ้าน พบว่าปกติกล้องสามารถจับภาพรถที่เข้าออกได้อย่างชัดเจน โดยนายสุชาติ ปลาทอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เปิดเผยว่า หมู่บ้านแห่งนี้มีกล้องวงจรปิดหลายตัว ตั้งแต่ทางเข้าออกหมู่บ้าน ไปจนถึงทางเข้าออกซอย หากมีรถขับเข้าออกกล้อง ก็สามารถจับภาพได้ทั้งหมด แต่ตัวเมมโมรี่ของกล้อง สามารถบันทึกภาพได้แค่ 7 วันเท่านั้น วันเกิดเหตุที่ลุงจรูญเดินทางออกไปซื้อหวย จึงไม่สามรถย้อนดูได้ นายสุชาติ เปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยเข้ามาขอดูกล้องแต่อย่างใด และลุงจรูญไม่เคยสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวมาก่อน

ทางด้าน นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล ทนายความ อาจารย์ผู้สอนกฏหมายวิชากฏหมายสื่อมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เปิดเผยว่า สังคมกำลังสับสนว่าใครคือเข้าของหวย 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ ผู้ครอบครองลอตเตอรี่ กับคู่กรณีอย่างครูปรีชา ที่แจ้งความว่าลอตเตอรรี่หาย ดดยข้อเท็จจริงเราต้องไม่ลืมว่า สลากกินแบ่งรัฐบาล มิใช่ทรัพย์สินที่ต้องจดทะเบียน เช่นเดียวกับทรัพย์สินทั่วไป

นายจักร์กฤษ มองว่า ดังนั้นเจ้าของกรรมสิทธิ์ลอตเตอรี่มูลค่า 30 ล้านบาท ที่แท้จริงก็คือผู้ครอบครองลอตเตอรี่ เพราะใครครอบครองลอตเตอรี่ดังกล่าว คนนั้นย่อมมีสิทธิ ยกเว้นผู้ครอบครองคนแรกแจ้งหาย และแจ้งเลขหมายลอตเตอรรี่เอาไว้ก่อนวันประกาศรางวัล จึงอาจจะสามารถมาโต้แย้งการครอบครองได้

"ลอตเตอรี่ มิใช่ทรัพพย์จดทะเบียน ผู้มีกรรมสิทธิ์คือผู้ครอบครอง เขียนแปะข้างฝาไว้เลยว่าหมวดจรูญคือผู้ชนะคดีนี้" อาจารย์จักร์กฤษ ระบุ