ตาวัย 67 บุกทวงเงิน 2 หมื่นบาทจากหลาน ถูกคนสนิทของหลานสอดปืนลอดรั้วยิงใส่ ดับคาที่
เมื่อเวลา 20.30 น.ของคืนที่ผ่านมา (7 ก.ย.) วันที่7กันยายน2563 ร.ต.อ.พอดี ไชยคำหาญ รอง สว.สอบสวน สภ.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดอุดรธานีว่า มีเหตุคนทะเลาะวิวาทกันก่อนใช้อาวุธปืนยิงกันเสียชีวิตบริเวณริมถนนหน้าบ้านเลขที่ 215/1 ม.17 บ.นาคำหลวง ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.นพดล วิเศษศรี รอง ผกก.หน.สภ.นาข่า ตำรวจสืบสวน สภ.นาข่า ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ตำรวจพิสูจน์หลักฐานแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี กู้ชีพเทศบาลตำบลนาข่า และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุเป็นถนนในหมู่บ้านนาคำหลวง มีชาวบ้านที่ทราบข่าว พากันมายืนมุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก พบศพนายประสาน ทิพย์ภูมิ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่38 ม.10 บ.เหล่าศรีจารย์ ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี นอนหงายเสียชีวิตอยู่ริมถนนหน้าบ้านเลขที่215/1สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองกระสุนลูกปลาย เจาะเข้าบริเวณปาก และใบหน้าจำนวน 8 รู กระสุนทั้งหมดฝังในส่วนทรัพย์สินมีค่ายังอยู่ครบ
ห่างไปราว 5 เมตร พบขวดเหล้ายาดองของผู้ตายแตกเกลื่อนบนถนน ตรวจสอบด้านในกำแพงรั้วบ้านพบซองปืนสีดำตกอยู่ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และขออนุญาตเจ้าของบ้านตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณประตูหน้าบ้าน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบคดี
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบมือปืนที่ทราบชื่อภายหลังคือ นายบุญเพ็ง มั่งสนิท อายุ62ปี เป็นคนสนิทของเจ้าของบ้าน ชาวบ้านดงใหญ่ ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี สวมเสื้อคลุมแขนยาวนุ่งกางเกงขายาวเดินก้มตัวผ่านกล้องวงจรปิดบริเวณประตูหน้าบ้าน ไปนั่งในลักษณะยองๆอยู่กำแพงรั้ว ก่อนนำอาวุธปืนลูกซองสั้นออกมายิงผู้ตายที่ยืนอยู่ห่างจากรั้วหน้าบ้านราว1เมตร จากนั้นมือปืนได้เดินวนเวียนอยู่ในบริเวณบ้าน2รอบ ก่อนสตาร์ทเครื่องรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเทน่า ขี่หลบหนีออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
สอบสวนนางสมยศ ขันดา อายุ54ปี เจ้าของบ้าน และเป็นหลานของผู้ตาย ให้การว่าขณะเกิดเหตุตนนอนป่วยอยู่ในบ้านกับหลานๆ ได้ยินเสียงผู้ตายมายืนตะโกนด่าตนเองด้วยคำหยาบคายอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน พร้อมกับขู่จะเอาอาวุธปืนมายิงให้ตาย ตนเองกลัวไม่กล้าออกไป ทำได้เพียงแค่แง้มประตูออกมาดู ก่อนปิดประตูบ้านเข้าไปนอนพักผ่อน จากนั้นได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น 1นัด กระทั่งมีตำรวจมาเคาะประตูบ้านร้องเรียกให้ตนออกมาจึงทราบว่า ผู้ตายถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตอยู่ริมถนนหน้าบ้านของตนเอง โดยไม่รู้ไม่เห็นว่าใครเป็นคนยิงเพราะตัวเองนอนป่วยอยู่ในบ้าน
สอบสวนนางบัวเงิน สุขาวงษ์ อายุ 58 ปี ภรรยาผู้ตาย และเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่า สามีตนเป็นคนบ้านกองนาง ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุยิงสามีของตนเอง คือ นายบุญเพ็งฯ ซึ่งเป็นคนรู้จักกับเจ้าของบ้านหลังนี้ และรู้จักกับตนและสามีเป็นอย่างดี เพราะเคยนั่งกินเหล้าด้วยกันกับสามีเป็นประจำ และรู้สึกเสียใจที่สามีไม่ยอมฟังเสียงห้ามของตน เพราะเวลาสามีเมาเหล้าจะชอบเดินมาด่าเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นญาติกันกับตนเอง และมีศักดิ์เป็นหลานสาว เนื่องจากพ่อของเจ้าของบ้านเป็นพี่ชายของตนเอง
โดยเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา หลานสาวขอยืมเงินตน และสามีจำนวน 20,000 บาท แล้วไม่ยอมใช้คืน เมื่อมาทวงหนี้บ่อยครั้งทำให้หลานสาวไม่พอใจ จึงบอกให้ตนและสามีย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน ซึ่งตนและสามีได้ทำเรื่องย้ายชื่อออกจากสำเนาทะเบียนบ้านหลังนี้ไปเป็นผู้อาศัยอยู่กับญาติที่บ้านเหล่าศรีจารย์เมื่อวันที่14 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นที่เรียบร้อย
ก่อนเกิดเหตุสามีนั่งกินเหล้าที่บ้านพี่สะใภ้ของตนจนเมา ขณะจะกลับบ้านพักสามีได้เดินมาทวงหนี้พร้อมกับตะโกนด่าหลานสาวอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน แต่ไม่เห็นหลานสาวออกมาจากบ้านผ่านไปสักพักเห็นนายบุญเพ็งฯเดินออกมานั่งหลบอยู่รั้วกำแพงบ้านใช้อาวุธปืนยิงสามีตนเองจำนวน1นัด จนสามีตนล้มลงกับพื้นถนนเสียชีวิตคาที่ ก่อนที่นายบุญเพ็งฯจะขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้านได้ใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของตนเองที่จอดอยู่บนถนนหน้าประตูรั้วบ้านจนล้มทำให้ขวดเหล้าดองยาของสามีที่วางอยู่ในตะแกงรถจักรยานยนต์ตกลงพื้นถนนแตกซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ1เดือนตาของตนเองกระตุกแต่ไม่ถี่เหมือนวันนี้ที่กระตุกเกือบตลอดทั้งวัน”
ร.ต.อ.พอดีไชย คำหาญ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุทราบว่า มือปืนที่ก่อเหตุคือนายบุญเพ็ง มั่งสนิท เป็นคนสนิทของเจ้าของบ้าน ส่วนสาเหตุคาดว่าผู้ตายมาทวงหนี้และตะโกนด่าเจ้าของบ้าน ทำให้มือปืนไม่พอใจเดินย่องเข้าไปนั่งอยู่ที่กำแพงรั้วหน้าบ้าน ก่อนใช้อาวุธปืนที่ทางเราเชื่อว่าเป็นปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ยิงใส่ผู้ตาย 1 นัด กระสุนลูกปลายเจาะเข้าบริเวณปากและใบหน้าของผู้ตายล้มลงเสียชีวิตคาที่
และขณะนี้ได้มีการประสานตำรวจสืบสวน สภ.เพ็ญไล่ล่าติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดี ส่วนเจ้าของบ้านให้การปฏิเสธไม่รู้เรื่องราวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเราจะได้เชิญตัวเจ้าของบ้านมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง
