จากกรณี
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Tum Yuranan Onman" ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ ชายคนหนึ่งกำลังใช้ท่อแป๊ปเหล็กยาว 1 เมตร ไปทุบรถยนต์ นิสสันมาร์ช สีบรอนซ์ จนกระจกแตกยับ พร้อมตะโกนว่า "ทำไมขับรถแบบนี้" ขณะที่คนที่เห็นเหตุการณ์ พยายามตะโกนห้ามให้ใจเย็น แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังไม่หยุดตี โดยเหตุเกิดขึ้นบริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 4
วันนี้ (5 ก.พ.) “รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ได้เชิญ
นายชาญวิทย์ หรือ "แชมป์" ผู้ก่อเหตุทุบรถ และ นางสาวแก้ว (นามสมมติ) แฟนผู้ก่อเหตุ, นายไพโรจน์ บำรุงกิจ ผู้เสียหาย และ นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือ "ดีเจเก่ง" มาชี้แจงในรายการ ภายใต้หัวข้อ "เปิดใจ หนุ่มบุกทุบรถ หัวร้อนเพราะถูกยั่ว?"
นายชาญวิทย์ หรือ "แชมป์" อายุ 22 ปี ผู้ก่อเหตุทุบรถ กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 61 เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะขับรถไปกับแฟน ผ่านถนนพุทธมณฑลสาย 4 ถูกรถนิสสันมาร์ช ขับตามจี้ท้ายรถ ก่อนจะแซงไปอยู่เลนขวาสุด แต่ติดท้ายรถแท็กซี่ จึงขับเบี่ยงซ้ายมาเบียดรถตน จนรถเสียหลักหมุนคว้าง 3-4 ตลบ ไปไกลจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร
หลังจากรถหยุดนิ่ง แฟนได้รีบไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่รอแฟนได้มีคนนำทะเบียนรถคู่กรณีที่ตกอยู่มาให้ ตนจึงหยิบท่อแป๊บอลูมิเนียม ที่พกติดไว้เพื่อค้ำฝากระโปรงรถ มาฟาดรถของคู่กรณี ส่วนสาเหตุที่ทำเช่นนั้น นายแชมป์ อ้างว่า รถคันดังกล่าวมีความสำคัญต่อจิตใจมาก เพราะเป็นรถของคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว ได้มอบให้ไว้เป็นมรดกแก่ตน
สำหรับสาเหตุที่ตนตัดสินใจเอาท่อแป๊ปไปฟาดที่ตัวรถของทางคู่กรณี เนื่องจากโมโหที่ทางคู่กรณีขับรถปาดหน้า และเป็นการตีเพื่อระบายอารมณ์ พร้อมยอมรับว่า ตอนนั้นตนควบคุมสติไม่ได้ และหากคนอื่นมองว่า ตนทำเกินกว่าเหตุ ตนก็คิดว่า แล้วแต่มุมมองของคน
หลังเกิดเหตุได้ไปเจอคู่กรณีที่ สภ.โพธิ์แก้ว และมีการพูดคุย ยกมือไหว้ขอโทษกันแล้ว พร้อมยอมรับผิดที่ทุบรถ และยินดีชดใช้ด้วยการหากระจกมาเปลี่ยนให้ และไม่ได้รู้สึกโกรธคู่กรณีแล้ว
ด้าน นางสาวแก้ว (นามสมมติ) แฟนผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตอนที่อยู่บนรถตนรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ ทราบเพียงว่า ขณะเกิดเหตุมีการปาดหน้ากัน มารู้ตัวอีกทีรถกำลังหมุนอยู่บนถนน ตนรู้สึกตกใจกลัวจนตัวสั่น พอคลานออกจากรถได้รีบไปเข้าห้องน้ำท้ันที ทำให้ไม่เห็นเหตุการณ์ในช่วงที่นายแชมป์ ใช้ท่อแป๊บทุบกระจกรถคู่กรณี
เมื่อกลับมาที่รถมีคนมาบอกว่า นายแชมป์ นำท่อแป๊บไปตีกระจกรถคู่กรณี และยังทำท่าจะเดินกลับไปที่รถคันดังกล่าวอีกรอบ ตนมีอาการตัวสั่นพูดอะไรก็เอาไม่อยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจจราจรมาถึง ตนคาดว่านายแชมป์ คงสติแตกเพราะรถที่ขับอยู่เป็นของพ่อ
โดยทางรายการได้สัมภาษณ์
นายไพโรจน์ บำรุงกิจ ผู้เสียหาย ทางโทรศัพท์
เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในตอนนั้น ตนอยู่ในเลนขวา สุดพยายามจะแซงแต่นายแชมป์ ไม่ให้แซง ทำให้ต้องแซงซ้าย แล้วนายแชมป์ ได้ขับเบียดรถของตนจนเสียหลัก
จากนั้น นายไพโรจน์
ได้กล่าวถึงอาการเจ็บบริเวณหน้าอกของตนว่า เกิดจากแรงกระแทกกับพวงมาลัยรถ หากพูดคุยเป็นเวลานานๆ จะมีอาการปวดบริเวณดังกล่าว
ทางด้าน
นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือ "ดีเจเก่ง" รู้สึกเห็นใจ นายแชมป์ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มองว่า การแข่งกับเวลาทำให้คนใจร้อน แต่ถึงอย่างไรก็ตามการขับรถบนท้องถนน ต้องเป็นไปตามวินัยจราจร สำหรับกรณีนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การไปเยี่ยมคู่กรณี หลังจากนั้นจึงเป็นการต่อสู้เรื่องคดีความ อยากให้ดูคดีของตนเป็นตัวอย่าง ต้องสู้คดีนานถึง 2 ปี และต้องไปบำเพ็ญประโยชน์ จึงไม่อยากให้ใครเอาเป็นตัวอย่าง อีกทั้งยังทำให้ครอบครัวต้องเสียใจ
ทั้งนี้หลังจบรายการต่างคน ต่างคิด เวลาประมาณ 20.30 น.นายชาญวิทย์ หรือ "นายแชมป์" พร้อมแฟนสาว ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว โดยทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่ฝ่ายหญิงร้องไห้ เมื่อมาถึงหน้าห้องพนักงานสอบสวน ทั้งคู่ได้ร้องไห้และโผเข้ากอดกัน เจ้าหน้าที่จึงให้นั่งพัก ก่อนเรียกเข้าไปสอบปากคำในห้องสอบสวน
ร.ต.อ.วิเชียร บางบาน พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว เปิดเผยว่า วันนี้ น.ส.ชไมพร บำรุงกิจ ลูกสาวของ นายไพโรจน์ บำรุงกิจ เจ้าของรถนิสสันมาร์ช ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายชาญวิทย์ หรือ "นายแชมป์" ทำให้เสียทรัพย์ ก่อนที่บริษัทประกัน จะประเมินราคาค่าซ่อมรถอยู่ที่ 100,000 บาท โดยหากพิสูจน์ได้ว่า นายแชมป์ เป็นต้นเหตุให้เกิดการเฉี่ยวชน จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แต่หากเป็นความประมาทร่วมกัน ต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคนละครึ่ง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างรอภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าบริษัทวิริยะประกันภัย ที่สามารถบันทึกภาพได้ในระยะ 200 เมตร โดยคาดว่า จะเห็นภาพเหตุการณ์ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ที่คู่กรณีอ้างว่า มีการขับแซงกันมา โดยต้องรอให้ช่างมาเปิดภาพให้ในวันพรุ่งนี้
เบื้องต้นต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบร่องรอยการเฉี่ยวชน และค้นหาเมมโมรี่การ์ด จากกล้องหน้ารถของ นายไพโรจน์ ซึ่งระบุว่า อาจกระเด็นหลุดออกไปตอนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งยังค้นหาไม่พบ คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 7 วัน
โดยในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัว นายแชมป์ ส่งให้อัยการพิจารณาต่อไปว่า จะส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดนครปฐม หรือไม่ ส่วนที่เห็นว่านายแชมป์ และแฟนสาวมีสีหน้า ท่าทีค่อนข้างกังวลนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีอาการหวาดกลัว ซึมเศร้าเสียใจ ซึ่งทาง พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผู้กำกับการตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว ได้อธิบายพูดคุยเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว โดยทั้งสองคนก็เข้าใจ
หลังจากนั้น ร.ต.อ.วิเชียร ได้กลับเข้าไปสอบปากคำผู้เสียหายต่อ ก่อนพาไปพิมพ์รอยนิ้วมือ รับทราบข้อกล่าวหา"ทำให้เสียทรัพย์" พร้อมกับนัดให้กลับมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพื่อส่งตัวให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป
ล่าสุด นายไพโรจน์ บำรุงกิจ ยังอยู่ระหว่างพักรักษาตัวจากอุบัติเหตุที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ใน จ.นนทบุรี โดยแพทย์ยังให้พักรักษาตัวเพื่อรอดูอาการอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อเอ็กซเรย์ว่าอวัยวะภายใน มีอะไรบอบช้ำบ้าง เบื้องต้น ต้องใส่เฝือกที่บริเวณลำคอ เนื่องจากเนื้อเยื่อช้ำ ส่วนบาดแผลตามร่างกายตรงบริเวณข้อมือซ้ายถูกกระจกบาด
สำหรับคดีความให้ลูกสาวคนผู้ดำเนินการ เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถ ส่วนคดีที่ถูกทุบรถนั้น ทราบว่าในวันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่จะสรุปสำนวนส่งศาล แต่ก็ยังกังวลใจที่ตำรวจยังไม่ชี้ชัดว่าใครผิด ต้องรอดูภาพจากกล้องวงจร และรวบรวมหลักฐานอื่นๆ ซึ่งหากตนเป็นฝ่ายผิดก็ยินดีจะรับผิดชอบ