สาวทอมต่อสายหาญาติซัดเพื่อนร่วมเสพยาฆ่าพ่อ ญาติเชื่อแทงตายคามุ้งก่อนห่อศพทิ้ง (คลิป)

จากกรณีการพบศพของนายอุบล โพธิ์ทอง อายุ 63 ปี ชาว ต.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี บริเวณปากซอยเข้าหมู่บ้าน ติดกับศาลา ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 700 เมตร ในสภาพสวมเพียงกางเกงขาสั้น ซี่โครงหัก ไหล่ทั้งสองข้างหัก ปอดฉีก ศีรษะมีรอยแผลบาดจากของมีคมแต่แผลไม่ลึกถึงกะโหลก ถูกห่อด้วยผ้าห่มลายขวางสีเหลืองแดง ถูกทิ้งไว้ริมทางพร้อมไม้เท้า

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวน.ส.หทัยรัตน์ โพธิ์ทอง อายุ 24 ปี ลูกสาวของผู้ตาย ไปตรวจสอบหาสารเสพติด พบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธว่าเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากจำอะไรไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดไว้ก่อน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังคงตามล่าตัวนายพูล เพื่อนของน.ส.หทัยรัตน์ เนื่องจากคาดว่ามีส่วนรู้เห็น และอยู่ในคืนที่ผู้ตายเสียชีวิตด้วย

ล่าสุดวันที่ 8 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ได้เดินทางไปยังบ้านของน้องสาวผู้ตาย โดยในวันนี้ร่างของผู้ตายได้เดินทางมาถึงบ้าน ในเวลา 15.15 น. เพื่อตั้งสวดพระอภิธรรมและจะทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 9 ก.ย.63 โดยครอบครัวบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้า

ผลชันสูตรจากโรงพยาบาลชี้ว่า ผู้ตายถูกกระแทงอย่างแรงบริเวณช่วงอก เป็นเหตุให้เลือดคั่งภายในปอดเสียชีวิต นอกจากนี้บริเวณศีรษะ (หน้าผาก) ของผู้ตาย ยังมีรอยบาดจากของมีคม แต่แผลไม่ลึกถึงกะโหลก ตามตัวและต้นคอมีรอยช้ำ ใบหูซ้ายฉีดขาด กระดูกซี่โครงและหัวไหล่ทั้งสองข้างหัก

นางสุนันทา งามเลิศ อายุ 49 ปี น้องสาวผู้ตาย บอกว่า ตนเลี้ยงน.ส.หทัยรัตน์มาตั้งแต่ยังเป็นทารก เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่มักจะถูกผู้ตายที่ติดสุราต่อว่าด่าทออยู่เป็นประจำ บางครั้งก็ถูกผู้ตายตีหรือปาของใส่ จนเมื่อ 3 ปีก่อน น.ส.หทัยรัตน์ ได้ย้ายออกไปทำงานนอกบ้าน เมื่อกลับมาอยู่บ้านนิสัยก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนติดยาบ้า มีเพื่อนเข้าออกบ้านมามั่วสุมเสพยาอยู่ตลอด ทำให้น.ส.หทัยรัตน์ มีปากเสียงกับผู้ตายมาโดยตลอด

ทั้งนี้ผู้ตายมักจะบอกกับน.ส.หทัยรัตน์ ว่า "นี่ไม่ใช่บ้านดูดม้า" โดยทางครอบครัวบางคนถึงกับพูดว่า "พ่อชดใช้กรรมที่ทำกับลูก" เนื่องจากผู้ตายมีส่วนที่ทำให้น.ส.หทัยรัตน์เก็บกดและเสียคน

โดยในวันนี้เวลาประมาณ 14.30 น. น.ส.หทัยรัตน์ ได้ยืมโทรศัพท์ของตำรวจโทรมาหาตนด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง คล้ายจะร้องไห้แต่ไม่ร้องออกมา คาดว่าไม่ได้ว่ากลัวหรือสำนึกผิด บอกกับตนว่า "หนูไม่ได้ทำ ไอ้พูลทำคนเดียว" แต่ไม่ยอมเล่าเหตุการณ์ให้ตนฟัง แม้กระทั่งตำรวจถาม น.ส.หทัยรัตน์ก็ไม่เล่า ตนถามว่าถ้าไม่ได้ทำ ทำไมไม่ตะโกนเรียกตนให้ช่วย น.ส.หทัยรัตน์ ก็ไม่ยอมตอบ

นอกจากนี้ บริเวณหน้าผากของศพยังมีรอยเฉือนหนังเปิด ซึ่งน.ส.หทัยรัตน์ บอกกับตนว่าเป็นฝีมือของนายพูลที่ใช้มีดเหน็บยาวประมาณ 15 เซนติเมตรฟันผู้ตาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบของกลางตกอยู่ในที่เกิดเหตุ คาดว่านายพูล น่าจะนำติดตัวไปด้วย

จากทั้งหมดนี้ ตนจึงคิดว่าน.ส.หทัยรัตน์ น่าจะร่วมมือกับนายพูลฆ่าผู้ตาย หรือหากน.ส.หทัยรัตน์ไม่ได้ทำจริง ก็น่าจะเป็นคนช่วยนายพูลยกศพผู้ตายไปทิ้ง โดยเท่าที่ตนสอบถามชาวบ้านและเพื่อนบ้านข้างเคียง ไม่มีผู้ใดเห็นนายพูลว่าหายไปไหน ไม่มีใครเห็นว่านายพูลนำศพไปทิ้งอย่างไร

นางสุนันทา ยังบอกกับทีมข่าวด้วยว่า ปกติแล้วตนจะเดินเข้าไปหาผู้ตายทุกคืน เพื่อดูความเรียบร้อยภายในบ้าน โดยในคืนวันเกิดเหตุ วันที่ 6 ก.ย.63 ตนได้เดินเข้าไปในบ้านของผู้ตายในเวลา 20.40 น. เห็นผู้ตายห่มผ้านอนอยู่ในมุ้งชั้นล่าง ตนจึงเดินออกจากบ้าน โดยไม่ได้ขึ้นไปดูบนขั้นสองว่ามีใครอยู่หรือไม่ ตนออกมาโดยไม่ปิดประตูบ้าน แต่ได้ปิดรั้วสังกะสี โดยใช้โซ่เหล็กคล้องไว้ จากนั้นตนก็ได้กลับมานอนที่บ้านของตัวเอง

หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 00.00 น. เข้าสู่เช้าวันที่ 7 ก.ย.63 ตนก็ได้ยินเสียงประตูรั้วสังกะสีบ้านของผู้ตายเปิดออก และปิดในทันที แต่ตนไม่ได้ออกไปดู คิดในใจว่าน.ส.หทัยรัตน์ไม่ออกไปข้างนอก ก็คงกลับเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น ตนจึงย้อนคิดใหม่ว่าเสียงเปิดประตูรั้วที่ตนได้ยิน อาจจะเป็นนายพูลเข้ามาก่อเหตุ หรือนายพูลออกจากบ้านนำศพไปทิ้ง

อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับตัวนายพูลให้ได้ กฎหมายมีไว้ปกป้องผู้ถูกกระทำ หากน.ส.หทัยรัตน์มีส่วนเกี่ยวข้อง ญาติก็จะไม่ประกันตัว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเตรียมส่งตัวน.ส.หทัยรัตน์ไปสถานบำบัดยาเสพติด ซึ่งตนก็อยากให้เลิกยาได้ถาวร