กรณีพนักงานสอบสวน สภ.เกาะจันทร์ รับแจ้งเหตุมีคนแทงกันเสียชีวิตที่บ้านพัก ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบศพนายประจักษ์ อายุ 43 ปี สภาพถูกแทงด้วยอาวุธมีดจำนวน 10 แผล เสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นปูนหน้าบ้าน โดยมีผ้าห่มสีฟ้าคลุมศพไว้ โดยมีนางอาภานุช หรือ อ้อย อายุ 40 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ นั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ล่าสุดวันที่ 16 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุพบเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วรอบ บริเวณหน้าบ้านและภายในห้องนอนที่เกิดเหตุถูกล้างคราบเลือดออกไปหมดแล้ว
จากการสอบถามนางอาภานุช ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนกับผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกันตั้งแต่เมื่อช่วงดึกของเมื่อคืน โดยสามีชอบด่าทอบุพการีของตนเอง จึงเกิดบันดาลโทสะใช้มีดจ้วงแทงนับครั้งไม่ถ้วน
จากนั้นจึงจะพยายามพาผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงประตูหน้าบ้าน สามีก็ล้มลงเสียชีวิตต่อหน้าตน ด้วยความตกใจตนจึงได้โยนมีดทิ้งไปข้างกำแพงในป่าหลังบ้าน แล้วรอพบตำรวจ และได้โทรแจ้งกู้ภัยให้มาช่วย แต่ก็ไม่ทัน สามีได้หมดลมหายใจไปแล้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ได้ทำการชันสูตรพริกศพ พบบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลมจำนวนทั้งหมด 10 แผล จึงได้ให้กู้ภัยนำร่างไปผ่าพิสูจน์พลิกศพที่โรงพยาบาลเกาะจันทร์อย่างละเอียดอีกครั้ง
นางอรวัน อายุ 60 ปี แม่ของนางอาภานุช ผู้ต้องหา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าเวลา 06.00 น. ลูกสาวโทรศัพท์ไปบอกว่าตัวเองแทงนายประจักษ์เลือดไหลเยอะมาก ตนจึงรีบมาที่เกิดเหตุ พบว่านายประจักษ์นอนสิ้นใจอยู่หน้าบ้าน โดยมีลูกสาวนั่งอยู่ข้าง ๆ สอบถามลูกสาวทราบว่าทะเลาะกับสามีตั้งแต่ช่วงค่ำ โดยนายประจักษ์ด่าลูกสาวตนด้วยคำหยาบคาย ด่าไปถึงพ่อแม่ ในทำนองว่า เมื่อไรพ่อแม่มึงจะตาย คิดว่าลูกสาวคงโมโหคว้ามีดปอกผลไม้แทงสามี
โดยที่ผ่านมา นายประจักษ์เป็นคนใจร้อน เวลาโมโหชอบด่าเมียอย่างรุนแรง เรื่องที่ทะเลาะกันน่าจะเกิดจากเรื่องเงิน เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา นายประจักษ์ให้นางอาภานุชหาเงินให้จำนวน 500,000 บาท เพราะอยากเปิดอู่ซ่อมรถ นางอาภานุชก็พยายามหากู้คนอื่น แต่ยังหาไม่ได้เพราะจำนวนค่อนข้างเยอะ จากนั้นนายประจักษ์ก็บอกให้นางอาภานุชมาขอที่ดินของตนไปจำนอง แต่ตนไม่ยอมให้ เพราะยังไม่ได้แบ่งทรัพย์สินมรดก ซึ่งนางอาภานุชก็มาบ่นกับตนว่าไม่รู้จะหาเงินที่ไหน
โดยตนรู้สึกสงสารลูก ที่ต้องมาก่อเหตุแบบนี้ คิดว่าลูกสาวก็คงรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน แต่ทราบว่าญาติคนตายก็ไม่ได้ติดใจ เพราะรู้นิสัยนายประจักษ์ว่าเป็นคนที่ไม่ทำงานและไม่รับผิดชอบครอบครัว ทั้งนี้ นายประจักษ์คบหากับลูกสาวตนเป็นเวลา 3 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน ส่วนลูกสาวตนเคยมีสามีและมีลูกติด 2 คน คนโตเป็นผู้หญิงอายุ 13 ปี คนเล็กผู้ชายอายุ 9 ปี โดยช่วงเกิดเหตุก็นอนอยู่ในห้องติดกัน แต่ไม่ทราบเหตุการณ์
นางดวงใจ พี่สาวนายประจักษ์ ผู้ตาย เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมจุดธูปเรียกวิญญาณผู้ตาย กลับไปบำเพ็ญกุศลที่กรุงเทพฯ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้ว่าน้องชายคบหากับนางอาภานุช ผู้ก่อเหตุ เนื่องจากน้องชายมีภรรยาและลูกอยู่แล้ว ที่ผ่านมาน้องโกหกว่ามาทำงานอยู่ที่ จ.ชลบุรี ได้เจอกับตนครั้งสุดท้ายตั้งแต่ต้นปี
จนกระทั่งทราบเรื่องเมื่อช่วงเช้าว่าน้องถูกแทงเสียชีวิต และคนที่แทงก็เป็นภรรยาอีกคน ซึ่งตนไม่เคยรู้จักมาก่อน โดยส่วนตัวไม่ติดใจสาเหตุการตาย และอโหสิกรรมให้ผู้ก่อเหตุ เพราะไม่รู้รายละเอียดเหตุการณ์ ก่อนเกิดเหตุช่วงค่ำน้องชายยังโทรศัพท์คุยกับตนบอกว่าจะไปทำบุญกฐินด้วยกัน แต่มาเกิดเหตุขึ้นก่อน ส่วนภรรยาคนแรกของน้องชายก็ยังอยู่ในอาการช็อกเช่นเดียวกัน
ลูกสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก เรื่องครอบครัว พ่อก็ชอบด่าพ่อกับแม่ของแม่เลี้ยง ส่วนแม่เลี้ยงเป็นลูกสาวของหลงจู้ทำไร่อ้อย มีฐานะดี พ่อมักจะด่าแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงก็อดทนมาแรมปี จนกระทั่งวันนี้ทนไม่ไหวบันดาลโทสะเอามีดทำครัวกระหน่ำแทงไม่ยั้ง แล้วก็รอมอบตัวด้วยความเสียใจ เพราะทำไปโดยไม่รู้ตัว